ผมอยากให้ผู้อ่านนึกถึงคู่แข่งรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นสัก 2 ราย ก็น่าเชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึงค่ายรถยุโรป ค่ายรถอเมริกัน และค่ายรถจีนมากกว่า แต่คู่แข่งที่แท้จริงของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นชั้นนำ ณ ปัจจุบันชัดเจนแล้วว่า นั่นคือค่ายรถเกาหลียักษ์ใหญ่ Hyundai ที่เร่งสปีดพัฒนาตนเองจนเริ่มสามารถเทียบเคียงค่ายรถญี่ปุ่นแทบจะทุกด้าน หาใช่บริษัทรถจากจีนหรือบริษัทรถอเมริกันที่พยายามดิ้นรักษาชีวิตสุดใจขาดดิ้นที่ยังขาดต้นทุนทรัพยากรที่ดีบางอย่าง
แม้ภาพพจน์แบรนด์ Hyundai สำหรับตลาดเมืองไทยยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอจะยึดครองตลาดได้ แต่ความเคลื่อนไหวระดับโลก Hyundai ย่อมไม่เป็นรองใครมากนัก หนำซ้ำมิใช่มีแค่ Hyundai ที่ลุยเดี่ยวเท่านั้นแต่ยังควบรวมกิจการกับ Kia Motor ที่มาช่วยสร้างสีสันตลาดรถยนต์โลก
เพื่อขอยืนยันว่า Hyundai คือคู่แข่งที่น่ากลัวในสายตาค่ายรถญี่ปุ่นแท้จริง สำนักข่าวแคนาดาเพรส(สำนักพิมพ์พันธมิตรกับ APNews) จึงพยายามร้อยเรียงถ้อยคำสัมภาษณ์ในมุมมองอีกด้านหนึ่งของ Hyundai จากผู้บริหารสูงสุดในค่ายรถญี่ปุ่นชั้นนำเพื่อลงคอลัมน์สกู้ปข่าวในเว็บไซต์ APNews
นายนากาโนบุ อิโตะ ประธานสูงสุดบริษัท Honda Motor ประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า “Hyundai คือคู่แข่งที่น่าสะพรึงกลัว” ไม่น่าแปลกใจที่ Honda จะกลัวเพราะ Hyundai นอกจากจะทำราคาถูกแล้วยังพยายามปรับปรุงคุณภาพตัวรถอย่างต่อเนื่อง
นายชิโร่ นากามูระ รองประธานบริษัท Nissan Motor ประเทศญี่ปุ่นเองก็เห็นด้วยเช่นกันว่าค่ายรถเกาหลีน่ากลัวเช่นกัน “หากเปรียบเทียบ Hyundai Motor กับ Samsung Electronic ที่ริขึ้นมาเทียบชั้นกับ Sony ได้เวลาอันรวดเร็วแล้วล่ะก็ Hyundai ก็จัดเป็นแบรนด์รถยนต์เติบโตรวดเร็วที่มีชื่อเสียงด้านราคาและคุณภาพควบคู่ไปด้วยกัน”
“ส่วนคู่แข่งจากจีนนั้นเราต้องให้เวลาพวกเขาอีกทศวรรษจึงแข่งกับ Nissan ได้ แต่สำหรับ Hyundai นี่คือคู่แข่งปัจจุบันที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่า”
“Hyundai เป็นคู่แข่งรายสำคัญที่เป็นอุปสรรคกับค่ายรถญี่ปุ่นมากที่สุด เพราะพวกเขามีทั้งเทคโนโลยีและค่าแรงที่ต่ำอีกด้วย”
นายนากามูระเสนอวิธีที่จะต่อกรกับค่ายรถเกาหลีว่า “ควรจะต้องสร้างสรรค์ อารมณ์ความรู้สึกลงไปด้วยเพื่อเพิ่มคุณค่าของสินค้าดุจดั่งกระเป๋าแบรนด์เนมดีไซน์สวย ๆ ชั้นนำจากยุโรป”
“เปรียบเทียบกับอาหารจานอร่อยของญี่ปุ่นบางจานที่จะแพงกว่าอาหารเกาหลีบางจานแม้จ่ายแพงกว่าแต่ลูกค้าก็ยินดีที่จะจ่าย”
ค่ายรถเกาหลีมิใช่มีเพียงแค่ Hyundai เท่านั้นแต่ยังรวมไปถึง Kia Motor ค่ายรถพันธมิตรที่สามารถกวาดส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกได้ 5% แล้วสวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
วันนี้ทั้ง Hyundai และ Kia ก็เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์รถคู่หูกันไปแล้วแทบจะไม่มีส่วนใดแยกออกจากกัน ทำให้ทั้งคู่สามารถทะยานยอดขายอยู่อันดับที่ 5 ของโลกไปเรียบร้อยแล้วบนการต่อสู้แย่งชิงยอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปร่วมกับค่ายรถญี่ปุ่น
ในตลาดสหรัฐอเมริกา Hyundai เป็นเจ้าเดียวที่สามารถทำยอดขายแดนบวกต่อเนื่องสวนทางกับค่ายรถอื่นๆ ล่าสุดสามารถทำยอดขายเดือนกันยายนปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 27% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2008
ส่วนค่ายรถญี่ปุ่นนอกจากจะต้องเจอมรสุมเศรษฐกิจเมื่อปลายปี 2008 แล้วก็ยังพบปัญหาตลาดประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา,ยุโรป และญี่ปุ่นเริ่มอิ่มตัวจนต้องแสวงหาตลาดใหม่ในตลาดเกิดใหม่ แถมกำไรก็หดหายไปอีกยกตัวอย่างค่าย Nissan ที่ขาดทุนไปแล้ว 185 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้แต่ Hyundai กลับสวนทางได้กำไรถึง 691 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ทำรายได้ดีที่สุดของ Hyundai
นายคริสโตเฟอร์ ริตเตอร์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมยานยนต์จากบริษัท Calyon Capital Markets Asia ในกรุงโตเกียวกล่าวเสริมไว้ว่า “Hyundai มิได้เติบโตแค่เพียงตลาดสหรัฐอเมริกาที่สามารถดึงยอดขายจาก GM ได้ แต่ยังแผ่อิทธิพลไปยังตลาดเกิดใหม่ทั้งประเทศอินเดียและประเทศจีนอีกด้วย”
“แม้ว่าค่าเงินวอนและค่าเงินเยนแข็งค่ามากจะทำให้รายได้จากการส่งออกลดลง แต่ยังไงค่าเงินเยนก็เสียเปรียบตรงที่ค่าเงินมันแข็งกระโดดขึ้นมาก”
“ค่ายรถที่เล็กกว่าผู้นำตลาดอย่าง Nissan และ Mazda ก็ยังมีความเสี่ยงสูงเพราะไม่ได้ถูกจัดอันดับด้านคุณภาพลำดับต้นๆ เหมือน Toyota และ Honda หนำซ้ำ Hyundai ยังแข่งขันกันได้มากกว่า”
“อนาคต Hyundai จะยิ่งท้าทายให้ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเร่งพัฒนาตัวขึ้นไปอีก”
คงมีเพียงค่าย Honda เท่านั้นที่ยังสามารถทำกำไรได้ 84 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อันเนื่องมาจากยอดขาย Honda Fit ที่ทะยานทั่วโลกไม่หยุดหย่อน จนทำให้ทั้ง GM และ Ford ในสหรัฐอเมริกาต้องส่งรถโมเดลใหม่มาประชันกัน
แต่ช่วยไม่ได้เช่นกันที่เวลานี้ Honda Motor จะต้องขอแข่งกับ Hyundai มิให้มาเจาะฐานของตนเองเสียก่อนที่จะไปแข่งขันกับผู้นำตลาดที่แข็งแกร่งกว่า
โดย : HOMY DEMIO