ดูคลิปวีดีโอได้ที่กะทู้นี้ครับ : http://www.sarut-homesite.net/forum/index.php/topic,3344
####
วู้ดดี้ : มีหลายคนพูดว่าวู้ดดี้ไม่เหมาะสมที่จะสัมภาษณ์พระ ท่านมองว่าอย่างไรครับ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็คงต้องย้อนกลับไปถามว่าคุณเอาอะไรมาวัดว่าคนอย่างวู้ดดี้ไม่เหมาะที่จะคุยกับพระ พระอาจารย์มองในเวลานี้ไม่มีใครเหมาะเท่าวู้ดดี้เลยนะ ถ้าวู้ดดี้ไม่มาสัมภาษณ์พระ เกิดมาคุยไม่สมบูรณ์แบบ
วู้ดดี้ : ก้าวร้าว พูดตรง ถามตรง มีความรุนแรงบ้างในวาจา ไม่เหมาะสมกับพระ
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์คิดว่าพระไม่ได้หมายความว่าต้องเรียบร้อยแบบผ้าพับไว้ เราไปดูที่เนื้อหาสาระได้มั้ย หลายครั้งที่พระอาจารย์เปิดไปเจอวู้ดดี้สัมภาษณ์ บางทีบางตอนดีกว่าพระบางรูปเทศน์ เพราะฉะนั้นถ้าเราก้าวข้ามรูปลักษณ์ภายนอก เจาะไปที่เนื้อหาสาระก็ไม่มีปัญหาที่วู้ดดี้จะคุยกับพระไม่ได้
วู้ดดี้ : งั้นในวันนี้ผมสามารถที่จะถามพระอาจารย์ได้ทุกเรื่อง
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็แล้วแต่จะถาม แต่พระอาจารย์จะตอบทุกเรื่องหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
วู้ดดี้ : พระอาจารย์บวชตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นเณรอายุ 12
ท่าน ว.วชิรเมธี : 13
วู้ดดี้ : แล้วเป็นพระมาตลอดชีวิต ทุกวันนี้ที่ผ่านมาท่านจะเทศน์เรื่องของแฟน เรื่องของชีวิต การมีกิ๊ก การไม่มีกิ๊ก แต่ท่านไม่ได้คุ้นเคยกับทางโลกเลย ท่านสามารถที่จะเข้าใจโลกและเทศน์กลับไปสู่โลกได้อย่างไรในเมื่อท่านอยู่กับ วัดตลอดเวลา
ท่าน ว.วชิรเมธี : เอางี้ วู้ดดี้เคยเห็นคนที่ติดยาเสพติดมั้ย
วู้ดดี้ : เคยเห็นครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าคนติดยาเสพติดมันอันตรายมาก คุณไม่เคยลองสักนิดนึง
วู้ดดี้ : ก็เห็นผลมัน เห็นว่าเขาไม่ไปโรงเรียน สุดท้ายเขาต้องเข้าโรงพยาบาลและตาย
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็นั่นไง พระอาจารย์ก็ไม่จำเป็นต้องไปลองมีกิ๊ก พระอาจารย์ก็เห็นผลของมันเหมือนกัน พระอาจารย์ก็อนุมานเอาได้
วู้ดดี้ : แต่พระอาจารย์อยู่ในวัด พระอาจารย์ไม่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับเขา
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์อยู่ในวัด แต่ไม่ได้หมายความว่าพระอาจารย์ถูกปิดหูปิดตา ตรงกันข้ามอยู่ในวัดบางทีรู้ดีกว่าชาวโลกด้วยซ้ำไป เพราะชาวโลกเปรียบเสมือนนักมวยที่อยู่บนเวที คุณชกสะเปะสะปะ คุณถูกต่อย คุณถูกน็อก คุณมึนไปหมด คนอยู่ข้างเวทีเห็นชัดที่สุดว่าคุณชกยังไง พระไม่จำเป็นต้องไปตะลุมบอนกับกิเลสเหมือนคุณหรอก แต่พระอยู่ข้างเวที พระรู้ว่ากิเสลมันร้ายแค่ไหน
วู้ดดี้ : งั้นมีกิ๊กผิดมั้ยครับถ้าเต็มใจทั้งคู่
ท่าน ว.วชิรเมธี : เต็มใจทั้งคู่ กิ๊กไม่ใช่ชู้ แต่ถ้าแฟนรู้ต้องเลิกใช่มั้ย นี่นิยามของกิ๊ก
วู้ดดี้ : แต่ถ้าแฟนไม่รู้และทั้งคู่เต็มใจที่จะเป็นกิ๊กกัน
ท่าน ว.วชิรเมธี : ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติในระบบความสัมพันธ์แบบนี้ทำไมคุณต้องเลิก คุณก็คบกันต่อไปสิ
วู้ดดี้ : ก็คงรู้สึกผิดไงฮะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็นั่นแหละ ถ้ามันรู้สึกผิดก็แสดงว่ามันชอบธรรมมั้ยล่ะ
วู้ดดี้ : ไม่
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็มันไม่ชอบธรรม คำตอบมันอยู่ในตัวอยู่แล้วว่ามันไม่ดี
วู้ ดดี้ : งั้นสำหรับผู้ชายบางคนมีภรรยาสองสามคน แล้วภรรยาอยู่บ้านหลังเดียวกัน กินนอนด้วยกันได้ โอเคไม่มีปัญหา เมียคนที่หนึ่งคนที่สองคนที่สามยอมรับซึ่งกันและกัน อย่างนี้ครอบครัวนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำบาป
ท่าน ว.วชิรเมธี : กิ๊กหมายถึงความสัมพันธ์ที่ละเมิดจริยธรรมทางเพศ แต่ที่คุณโยมวู้ดดี้เล่ามาน่ะ เขารู้เห็นเป็นใจกันทั้งหมดใช่มั้ย ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดใช่มั้ย
วู้ดดี้ : ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : แต่เขาบริหารจัดการได้มั้ยล่ะ
วู้ดดี้ : ได้ครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : แล้วภรรยาทั้งสามคนเขายอมรับได้มั้ยล่ะ
วู้ดดี้ : ยอมรับหมดครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ถ้ารับได้หมดก็ไม่เป็นปัญหา
วู้ดดี้ : ท่าน ว. ตั้งแต่โตขึ้นมาผมสังเกตว่าคนมักจะชวนผมเข้าวัด ไปทำบุญกันเถอะ ไปนั่งสมาธิในวัด ไปไหว้พระแล้วคุณจะมีความสุข แต่ผมเห็นหลายคนเขาไปเพราะเขามีความทุกข์เรื่องเพื่อน เรื่องงาน เรื่องแฟน ชีวิตเป็นทุกข์เลยต้องเข้าไปในวัด แต่ผมเอง ผมมีความรู้สึกว่าผมไม่มีตรงนั้น ผมไม่ได้มีความต้องการที่จะไปไหว้พระ ไม่มีความต้องการที่จะไปเข้าวัด ถามว่าแล้วสุดท้ายวู้ดดี้จะต้องเข้าวัดทำไมล่ะครับพระอาจารย์
ท่าน ว.วชิรเมธี : จริงๆ วัดก็ไม่เคยเรียกร้องให้ใครมาเข้านะ พระอาจารย์ก็ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าบอกว่ามาเข้าวัดกันเถอะ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมะแล้วพระองค์ก็เดินไป ใครอยากฟังธรรมก็มาฟังเท่านั้นเอง ก็มีแต่เราคนไทยนี่แหละที่บอกว่าเข้าวัดๆๆ
วู้ดดี้ : ต้องไปไหว้วัดนี้อยู่บนภูเขา วัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ต้องบินไปถึงเชียงใหม่ ต้องมาเชียงราย ต้องลงมาภาคใต้ ต้องวัดนี้ โห…สุดยอดมาก อยู่ใต้น้ำ พระธาตุนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก คนก็ต้องบินไป แล้วบางทีเราก็คล้อยตามไปด้วย อ๋อเหรอ ถ้าไหว้พระวัดนี้ที่องศาแบบนี้ ไหว้ทิศอย่างนี้แล้วกราบอย่างนี้ คุณจะมีบุญมากกว่าทุกคนในประเทศชาตินี้ จริงหรือเปล่า
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์ฟังดูมันยิ่งไม่ใช่ไหว้พระตามแนวพุทธเลยนะ เพราะว่าไหว้พระตามแนวพุทธมันไหว้ที่ใจ ฉุดเข้าวัดนี่ประเสริฐมั้ยล่ะ
วู้ดดี้ : ครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : เพราะฉะนั้นโชคดีขนาดไหนที่มีคนชวนคุณเข้าวัดมาตลอดเวลา คนที่โชคร้ายก็คือ ไป…คืนนี้ไปผับมั้ย คืนนี้ไปอาร์ซีเอมั้ย
วู้ดดี้ : แต่ถ้าไปแล้วไม่ดื่มเหล้าล่ะพระอาจารย์ ไปแล้วมันเต้นแล้วมีความสุข ผมก็มีความสุข มันร้องเพลงไปด้วย แล้วมันได้ปลดปล่อย นั่นมันคือความสุข มันไม่ใช่ความทุกข์ไม่ใช่เหรอพระอาจารย์
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์อยากจะบอกว่านั่นเป็นความทุกข์ที่รอเวลาอยู่
วู้ดดี้ : ยังไงครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ผลไม้ทุกผลมีโอกาสที่จะหล่นมั้ย
วู้ดดี้ : มีครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : คนทุกคนก็เหมือนผลไม้ ขณะที่มันมีความสุขก็มีความทุกข์แฝงอยู่ในนั้นตลอดเวลา แต่ถ้าคนที่ไม่เคยเข้าวัดไม่เคยเรียนธรรมะเลยนะ วันนี้คุณจะสุข พรุ่งนี้คุณจะทุกข์ ชีวิตคุณจะสุขๆ ทุกข์ๆ กระเด็นกระดอน
วู้ดดี้ : เพราะมีอบายมุขล้อมรอบเหรอ
ท่าน ว.วชิรเมธี : คุณมีโอกาสที่จะทุกข์ได้ตลอดเวลา วันนี้ทุกข์ยังไม่มาถึงแต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มา ทุกข์ไม่ได้เกิดจากข้างนอก ทุกข์เกิดจากในนี้ เมื่อเรามีความเห็นผิด คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ทุกข์อยู่ตรงนั้น นรกก็อยู่ตรงนั้น
ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่ท่านพูดสักเท่าไหร่นัก ทำไมคนเรามีความสุขแล้วต้องมีทุกข์รออยู่ คิดแบบนั้นก็ไม่ต้องมีกันพอดีสิครับ ผมชักจะหวั่นไหวแล้วล่ะครับว่าวันนี้ผมจะได้อะไรกลับไปหรือเปล่า
เมื่อวู้ดดี้เดินเข้ามาที่ศูนย์วิปัสสนาอาศรมอิสรชน จ.เชียงราย ผมแปลกใจเลยล่ะครับ เพราะจะมีป้ายติดตามต้นไม้เต็มไปหมด ท่าน ว.วชิรเมธีบอกผมว่า เหล่านี้คือต้นไม้พูดได้
วู้ดดี้ : พึงชนะคนชั่วด้วยความดี มีให้อ่านทุกต้น
ท่าน ว.วชิรเมธี : มี คุณโยมเดินไป คุณโยมจะเห็นทุกหนทุกแห่ง อาตมามีความรู้สึกว่าเวลาเดินมาถ้าพระอาจารย์ไม่อยู่ ต้นไม้เทศน์แทนก็ได้
วู้ดดี้ : ผมกลัวมากว่าที่แห่งนี้ห้ามฆ่าสัตว์ แต่มดมันเยอะมาก ถ้าผมเหยียบมดตายผมจะตกนรกมั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : เจตนาจะเหยียบมีมั้ยล่ะ
วู้ดดี้ : ไม่มี
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ไม่บาปก็แค่นั้นเอง วัดกันที่เจตนา กรรมไม่มี บาปไม่มีแก่ผู้ไม่เจตนาแค่นั้นเอง
วู้ดดี้ : ขับรถบนไฮเวย์เหยียบ 180 เพราะจะรีบไปหาภรรยาที่กำลังคลอดลูก แต่ดันไปชนคนแก่ตาย ไม่มีเจตนา บาปมั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็เป็นแค่กิริยาไม่ถือเป็นกรรม แต่อย่าทำบ่อยๆ
วู้ดดี้ : โอเค อันนั้นผมแค่ยกตัวอย่างมันไม่เกี่ยวกับผมนะครับพระอาจารย์
ท่าน ว.วชิรเมธี : เจริญพร
รายการของผมจะเสนอประเด็นหนึ่งอยู่บ่อยๆล่ะครับ ผมก็เลยอยากจะรู้ว่าท่าน ว. คิดยังไง
วู้ดดี้ : พระอาจารย์เคยดูหมอดูมั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่จำเป็น พระอาจารย์คิดว่าคนที่รู้จักตัวเองไม่มีใครไปหาหมอดู
วู้ดดี้ : พระอาจารย์เชื่อเรื่องหมอดูมั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่เชื่อ พระอาจารย์เชื่อกฎแห่งกรรม กฎแห่งการกระทำ กฎที่บอกว่าชีวิตของเราจะเป็นอะไร ยังไง ขึ้นอยู่กับเรา ดีชั่วอยู่ที่ตัวเรา สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
วู้ดดี้ : แต่บางทีที่หมอดูแม่นมาก พระอาจารย์ จนบางทีทำให้เราหวั่นไหว โอ้โห…มันเป๊ะว่ะ เราจะเอาชนะตรงนี้ได้ยังไง
ท่าน ว.วชิรเมธี : มันก็แล้วแต่เรานะ ถ้าคุณเลือกที่จะเชื่อ หมอดูก็จะมีอิทธิพลกับคุณ ถ้าคุณเลือกที่จะไม่เชื่อ หมอดูก็จะไม่มีอิทธิพลกับคุณ เพราะฉะนั้นมันไม่เป็นปัญหา มันอยู่ที่เรานะ แต่พระอาจารย์พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าพระอาจารย์รังเกียจหมอดู หมอดูก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง อาจจะเรียกว่าเป็นสถิติศาสตร์เพราะว่ากว่าที่จะประมวลองค์ความรู้ ประมวลเหตุการณ์ต่างๆ แล้วมาฟันธงให้ใครมันมีที่มาที่ไป พระอาจารย์ก็เคยเรียนวิชานี้ แต่พระอาจารย์ไม่ได้ใช้เท่านั้นเอง ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าหมอดูทายแม่นหรือไม่แม่นนะ ปัญหามันอยู่ที่หมอดูไปทายให้คนที่เต็มใจให้ทายหรือเปล่า ถ้าเขาเต็มใจให้ทาย คุณทายไปเหอะ แต่ถ้าเขาไม่อยากให้คุณดูแล้วคุณดัดจริตไปดูให้เขา คุณละเมิดสิทธิมนุษยชนนะรู้มั้ย
วู้ดดี้ : นี่พระอาจารย์ไม่ได้แขวะใครใช่มั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่ได้แขวะเลย พระอาจารย์ไม่ได้พูดถึงใครเลยในประโยคนี้ เป็นประโยคที่ไม่มีประธานไม่มีกรรมมีแต่กิริยาล้วนๆ
วู้ดดี้ : 5555555555
วู้ดดี้ : การห้อยพระเลยดีกว่าฮะ เขาสามารถที่จะทำให้ตัวเขาเองพ้นจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทางอากาศ ทางน้ำได้หมด ต้องหลวงพ่อนี่ หลวงพ่อนั่น คือเต็มไปหมดเลย อันนี้มันจริงมั้ย
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ถ้ามันจริงอย่างนั้น กฎแห่งกรรมพระพุทธเจ้าก็เป็นหมันน่ะสิ แสดงว่าการห้อยพระไปง้างกฎแห่งกรรม มันมีกฎอีกกฎหนึ่งที่เหนือกฎแห่งกรรมนะเนี่ย คือการห้อยพระแล้วมันไม่เป็นอะไรเลย ถ้ามันจริง ประเทศไทยผลิตพระยี่ห้อนี้ส่งออกนอก แล้วส่งคนไทยไปสงครามโลกเลยนะ เราจะเป็นมหาอำนาจโลก เพราะอะไรทำอะไรเราไม่ได้เลย ไม่ต้องไปวิจัยวิจารณ์อะไรแล้ว เอาพระรุ่นนี้ไป รับรองนะ
วู้ดดี้ : มันบาปมั้ยสำหรับคนทำธุรกิจตรงนี้ คือพิมพ์พระเยอะๆ แล้วก็ต้นทุนอาจจะซัก 5 บาทแต่อัพราคาเป็นค่าเช่ารูปละ 1,500 แล้วก็ได้กำไรเป็นล้าน สุดท้ายเขาช่วยคนไทยจริงมั้ยฮะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : บาปไม่บาปมันวัดกันที่เจตนา คุณห้อยพระ คุณปั๊มพระให้คนบูชา คุณอยู่กับพระนะ แต่บางทีคุณอาจจะไม่ได้อยู่กับพุทธ ถามว่ามันทำแล้วดีหรือไม่ดีให้วัดที่เจตนา ถ้าเขามีเจตนาว่าอยากให้พระที่เขาปั๊มออกมาเยอะๆ เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นสัญลักษณ์ของความมีศีลมีธรรมนี้ไม่บาป แต่ถ้าเขาคิดแต่ว่าที่ฉันปั๊มออกมารุ่นนี้แล้วฉันจะรวยเป็นร้อยล้านเป็นพันล้าน เขากำลังทำธุรกิจพุทธพาณิชย์ 100% น่าเป็นอย่างนี้ไม่ได้บุญ
วู้ดดี้ : มาพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่าครับพระอาจารย์ เรื่องของกรรม ช่วงนี้จะมีคนพูดถึงเยอะมาก แปลกนะทำไมมันกลายเป็น trend เมื่อปีที่ผ่านมา แก้กรรม จนกระทั่งศาสนาพุทธเองหลายๆ วัดผมก็ยังเห็น อ้าว…มาที่วัดนี้แล้วเราจะมาแก้กรรมได้ ชาติที่แล้วคุณมีกรรม ชาตินี้คุณจะต้องแก้แล้วชาติหน้าคุณจะได้ดีขึ้น ถามนะครับว่าตกลงมันจริงมั้ย การแก้กรรมด้วยการตัดกรรม
ท่าน ว.วชิรเมธี : คนไทยนี่ชอบแก้กรรม ก็ทำเหมือนว่าเรากำลังถูกมัดเอาไว้ก็เลยต้องมาแก้ หรือบางทีก็ต้องทำพิธีตัดกรรม ก็เหมือนกันว่ากรรมมันเป็นผ้าผืนหนึ่งหรือยังไง เป็นเชือกเส้นหนึ่งหรือยังไง กรรมก็คือตัวความคิดของเรานั่นเอง ฉะนั้นมันง่ายนิดเดียวนะถ้าจะตัดกรรมก็เปลี่ยนความคิด
วู้ดดี้ : แล้วมันมีกรรมจริงมั้ยครับ โลกใบนี้ มันมีเวรมันมีกรรมมั้ย ถามจริงๆว่ามันมีชาติที่แล้ว ชาตินี้ ชาติหน้า มันมีจริงมั้ย
ท่าน ว.วชิรเมธี : คือตามหลักพุทธมันมี
วู้ดดี้ : แต่มันพิสูจน์ไม่ได้น่ะพระอาจารย์
ท่าน ว.วชิรเมธี : แล้วมันจะเสียหายตรงไหนถ้ามันพิสูจน์ไม่ได้
วู้ ดดี้ : วู้ดดี้มีความรู้สึกว่าเวลาคนเราตาย มันก็แค่กลายเป็นผงธุลี แล้วมันก็ลงไปฝังในดินหรือเป็นขี้เถ้า มันจะไปชาติหน้าได้จริงเหรอ มันมีจริงเหรอ
ท่าน ว.วชิรเมธี : มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเอาเข้าห้องแล๊ปไม่ได้นะ มันก็มีจริงๆ ฉะนั้นเราอย่าไปคิดว่าความจริงมันต้องเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้เท่านั้น อย่างความรักก็ดี ความโลภก็ดี ความโกรธก็ดี ความหลงก็ดี อิจฉาตาร้อนก็ดี เอาเข้าห้องแล็ปได้มั้ย
วู้ดดี้ : ไม่ได้
ท่าน ว.วชิรเมธี : แล้วมันมีมั้ย ความรักมีมั้ย ความโลภน่ะมีมั้ย กามารมณ์น่ะมีมั้ย
วู้ดดี้ : เยอะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : เอาไปพิสูจน์ได้มั้ยของพวกนี้
วู้ดดี้ : ไม่ได้
ท่าน ว.วชิรเมธี : นั่นสิ แต่มันมี เพราะฉะนั้นชาติหน้าเราก็ไม่ต้องไปคิดว่าพิสูจน์ยังไง พิสูจน์ไม่ได้แล้วมันจะมียังไง
วู้ดดี้ : อาจารย์ไม่เคยเห็นใช่มั้ยฮะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ของพวกนี้เขาไม่เห็นด้วยตา ต้องเห็นด้วยปัญญาสิ ใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้คุณจะสงสัยก็ได้ไม่ได้ทำให้พุทธศาสนาสูงขึ้นหรือ ต่ำลง สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่โลกหน้ามีหรือไม่มีนะ มันอยู่ที่ว่าโลกนี้มันมีแล้วคุณใช้ชีวิตในโลกนี้ยังไง
เป็นครั้งแรกน่ะครับที่แขกรับเชิญทำให้ผมอึ้ง เพราะหลายเรื่องที่ผมถามคำถามยากๆ ท่านก็ตอบออกมาได้ง่ายๆ เสียเหลือเกิน แต่ผมก็ยังไม่ได้เห็นด้วยกับท่านทั้งหมดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาตินี้ชาติหน้าและอีกหลายเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ผมอดคิดไม่ได้นะครับว่ายังไงธรรมะก็ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลจะตัวผมอยู่ดี
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมสงสัย พุทธศาสนิกชนก็ต้องทำใจหน่อยนะครับ เพราะคำถามที่ผมจะถามนี้อาจทำผมกำลังจะท้าทายท่าน
วู้ดดี้ : ขอพูดถึงพุทธพาณิชย์หน่อยดีกว่า ท่านเคยได้ยินมั้ยฮะ ถ้าบางคนจะบอกว่าพระเดี๋ยวนี้จะเริ่มค้าขายกันมากขึ้น ออกตามทีวี ออกตามรายการต่างๆ ขายหนังสืออะไรมากมาย ท่านเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ท่าน ว.วชิรเมธี : มันจะเป็นพุทธพาณิชย์หรือไม่ มันไปวัดที่เจตนาสิ ถ้าพระอาจารย์เขียนหนังสือขาย มีเงินมีทองร่ำรวยมหาศาลแล้วก็ทำตัวเป็นหลวงเสี่ย พระอาจารย์กำลังทำพุทธพาณิชย์ แต่การเทศน์แต่ละครั้งฟังได้แค่คนเดียวเหมือนวู้ดดี้มาคุยกับพระอาจารย์ที่ เชียงราย ถ้าเราถอดบทสนทนานี้พิมพ์เป็นหนังสืออ่านกันทั่วโลกทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาอะไรก็ได้ คนเปิดหูเปิดตาและเรียนรู้ธรรมะ พระอาจารย์ไม่ได้คิดถึงเงินที่จะได้ คิดถึงแต่ประโยชน์ที่จะได้แก่ชาวโลก อย่างนี้เรียกว่าพาณิชย์ได้มั้ย ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะเป็นพุทธพาณิชย์ก็ต่อเมื่อเรามุ่งไปที่กำไรคือเม็ดเงิน แต่ถ้าเรามุ่งไปที่กำไรคือสติปัญญา คือความเฉลียวฉลาด คือความรู้ คือความหายโง่งมงาย ไม่มีทางเป็นพุทธพาณิชย์
วู้ดดี้ : แล้วส่วนใหญ่กำไรที่ได้จากการตีพิมพ์อะไรต่างๆ หรือว่ากับหลายๆ อย่างที่เราทำ ท่านเอาเงินนั้นไปบริจาคต่อยังไง หรือว่าเอาไปใช้ลงทุนต่อยังไง
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์ใช้เป็นทุนการศึกษาทั้งหมด ไม่เชื่อไปดูได้เลย พระอาจารย์สร้างโรงเรียนให้สามเณรที่วัดบ้านเกิดของพระอาจารย์ มีนักเรียนที่รับทุนจากพระอาจารย์ตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้นะ ทั้งพระทั้งเด็กทั้งเยาวชนเป็นพันคน
วู้ดดี้ : อย่างนึงที่ค้างคาใจก็คือเรื่องของเรต เอางี้ดีกว่ามีคนบอกว่าพระเดี๋ยวนี้ออกตามรายการต่างๆหรือว่าจะนิมนต์ไปไหน ต่อไหน ไปสถานที่บางสถานที่ที่พิเศษจะต้องมีเรต เป็นแสนบ้าง เป็นล้านบ้าง วันนี้ผมมาเองยังถามทีมงานเลยว่าคุยกับท่าน ว.วชิรเมธีกี่บาท จริงมั้ยฮะว่ามันเป็นล้านๆ เลยหรือมันยังไง
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์คิดว่าคนคิดอย่างนี้ต่ำนะ ไม่ใช่ว่าเรตมันต่ำ คือพระอาจารย์คิดว่า เขาคิดว่าพระเป็นดารา
วู้ดดี้ : ท่านมีสังกัดมั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่มี วันก่อนมีคนโทรศัพท์มาหาพระอาจารย์ ขอโทษนะครับต้องขออนุญาตสังกัดพระอาจารย์มั้ย พระอาจารย์บอกว่า โยม…อาตมาเป็นพระนะ ไม่ได้เซ็นสัญญากะค่ายไหนเลยนะ ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ เพราะฉะนั้นจะมีใครสูงไปกว่าอาตมา อยากนิมนต์อาตมา อาตมาเป็นต้นสังกัดของตัวเอง เวลานิมนต์อย่ามาถามเรต ถามอย่างนี้ถือว่าดูถูกกันมากเลย แต่อาตมาต้องทำความเข้าใจเพราะคนมักจะถาม เพราะฉะนั้นนิมนต์มาเลยนะ ถ้าพระอาจารย์ 1. ว่าง 2. เห็นว่ามีประโยชน์ ได้เจอกันแน่นอน
วู้ดดี้ : มีงานไหนที่ไปแล้วงงมั้ยฮะ แบบว่าเอ๋อเลย มีมั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ไปบรรยายงานแห่งหนึ่งที่โรงแรม ถัดจากพระอาจารย์เขากำลังจะเดินแบบกัน แล้วเขาก็ขี้เกียจตั้งธรรมาสน์ต่างหากก็ให้เทศน์บนแคทวอร์ค
วู้ดดี้ : 555555555 จริงรึเปล่าฮะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : จริง…รู้สึกว่าวันนี้มาผิดฝาผิดตัว นางแบบทั้งนั้น
วู้ดดี้ : แล้วท่านก็มายืนกลางแคทวอร์คเหรอครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่สถานที่นะ ถ้าใจคุณพร้อมที่ไหนก็ได้ ไม่เป็นปัญหา
วู้ดดี้ : วัดอยู่ที่ใจใช่มั้ย
ท่าน ว.วชิรเมธี : ถูกต้อง ถ้าคุณเป็นคนดีแล้ว นั่นแหละคุณบรรลุวัตถุประสงค์ของการมีวัด วัดอยู่ในใจคุณแล้ว
วู้ดดี้ : ชีวิตผมทุกวันนี้ต้องเข้าวัดก่อน ชัวร์
ท่าน ว.วชิรเมธี : อาการอย่างนี้มันต้องเข้าแหละ
วู้ดดี้ : ท่านชมใช่มั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ชม มั่นใจว่าชม
วู้ดดี้ : วู้ดดี้มี twitter ไว้ล่าสุดเพื่อที่จะมีการโต้ตอบ real time กับคุณผู้ชมทางบ้าน วู้ดดี้ได้ฝากหัวข้อเอาไว้ว่าวู้ดดี้จะได้มีโอกาสเจอกับท่าน ว. ใครอยากจะฝากอะไรไว้บ้างมั้ย ประเด็นหรือว่าคำถาม ปรากฎว่ามีคนตอบมาเป็นหลักร้อย เยอะมาก คำถามน่าสนใจมาก วู้ดดี้ขอคัดออกมาซักคำถามสองคำถามแล้วกันนะครับ มีอยู่คนหนึ่งถามมาว่า เราไม่เคารพพระที่เราไม่ชอบหรือที่ประพฤติมิชอบแต่ยังเป็นพระ บาปมั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ไม่บาป คนจะเคารพใครสักคนหนึ่งอย่างน้อยเขาต้องดีกว่าคุณใช่มั้ย ก็ถ้าคุณตระหนักว่าเขาไม่ได้ดีกว่าคุณ คุณไม่เคารพก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ฉะนั้นเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีความดีให้เราเคารพ ท่านก็ไม่ได้รับการเคารพ
วู้ดดี้ : ถ้าหากให้เอานักการเมือง หรือแกนนำเหลืองแดงมาให้ท่านเทศน์ ท่านจะเทศนาอะไรครับให้เขายอมจับมือกัน
ท่าน ว.วชิรเมธี : หนึ่ง…อยากจะฝากประโยคสั้นๆ ว่าอย่าเห็นแก่ตัวจนไม่เห็นหัวประเทศไทย ประโยคที่สองพระอาจารย์จะบอกว่าต้องยอมถอยเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า คือถอยนี้ไม่จำเป็นต้องถอยหลังนะ พระอาจารย์คิดว่าเราสามารถถอยไปข้างหน้าได้ ถ้าถอยแล้วทำให้ประเทศชาติของเราราบรื่นแล้วก็เดินต่อไปได้ ก็ขอฝากสองเรื่อง
วู้ดดี้ : ทุกวันนี้คนไทยเกิดอาการจิตตก จิตตกมาก ผมเลยถามว่าคนเราถ้าจิตตกจะมีวิธีแก้ยังไง ผมไปไหนเจอจิตตกๆ
ท่าน ว.วชิรเมธี : จิตตกก็ต้องยกจิตนะ คนส่วนใหญ่จิตตกก็ปล่อยให้ตกใช่มั้ย
วู้ดดี้ : ครับ มันจะยกยังไงฮะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ยกจิตหมายความว่า ต้องออกจากสภาพแวดล้อมอย่างนั้น คุณไปคุยกับคนๆ นี้แล้วมันคุยแต่การเมืองๆๆ จนคุณรู้สึกแย่ไปเลย คุณก็เลิกคุยสิ ไปคุยกับคนอื่น อย่างน้อย 3 ปี 5 ปีใช่มั้ยที่ผ่านมา วู้ดดี้ได้เรียนรู้มั้ย ได้รู้เช่นเห็นชาตินักการเมืองไทยมั้ย นี่คือสิ่งดีมากนะที่นักการเมืองสายพันธุ์นี้ได้มอบให้แก่เรา เขากำลังทำทุกอย่างให้เห็นว่านักการเมืองสายพันธุ์นี้จะเลวได้ถึงที่สุดขนาดนี้ พอเราเรียนรู้ถึงที่สุดแล้ว เชื่อมั้ย จากนี้ไป 100 ปีข้างหน้า เมืองไทยจะไม่กลับมาตรงนี้อีก
วู้ดดี้ : เพราะว่าคนเรามีความรู้มากขึ้นถูกมั้ย ในการที่จะดูออกว่าคนนี้เป็นคนเลว
ท่าน ว.วชิรเมธี : ถูกต้อง เพราะฉะนั้นถ้ามองโลกในแง่ดี พระอาจารย์กลับรู้สึกว่าวันเวลาช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งใน ประวัติศาสตร์ไทย เพราะเราได้เรียนรู้ครั้งใหญ่พร้อมกันทั้งประเทศ ห้องเรียนประชาธิปไตยเปิดให้เราได้ไป take course พร้อมกัน
ท่าน ว. ได้พาผมเดินขึ้นมาถึงยอดเขาของอาศรมแห่งนี้แล้วผมก็ได้พบกับหลวงพ่อยิ้มที่งามที่สุดครับ
วู้ดดี้ : จริงๆ วู้ดดี้มาจากวุฒิธรใช่มั้ย ทีนี้วุฒิชัยชื่อของท่านแปลว่าอะไร
ท่าน ว.วชิรเมธี : วุฒิชัยใช่มั้ย ก็แปลว่าเจริญด้วยชัยชนะ วุฒิธรของคุณโยมคือทรงไว้ซึ่งชัยชนะ เวลาไปเมืองนอกฝรั่งเขาไม่เรียกพระอาจารย์ว่าพระมหาวุฒิชัย เขาออกเสียงไม่ได้ เขาเรียกว่ามาสเตอร์วู้ดดี้
วู้ดดี้ : มาสเตอร์วู้ดดี้
ท่าน ว.วชิรเมธี : เจริญพร ก็พระอาจารย์วู้ดดี้
วู้ดดี้ : โห…ถ้าอย่างนั้น ถ้าเกิดว่าผมไปบวชมั่ง ก็จะมีสองวู้ดดี้สิ
ท่าน ว.วชิรเมธี : 2 ว.
วู้ดดี้ : ก็มี ว.หนึ่ง ว.สอง
ท่าน ว.วชิรเมธี : เจริญพร
วู้ดดี้ : ถ้าผมเป็นพระ ผมโทรหาท่านก็ ว.หนึ่ง นี่ ว.สอง ได้มั้ยครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ได้
วู้ดดี้ : 55555 น่าจะเป็นอะไรที่ดี
ขึ้นมาทั้งทีก็ต้องไหว้พระขอพร และขออีกหลายอย่างที่ผมจะอยากขอ ซึ่งผมเพิ่งรู้ตอนนี้แหละครับว่า
ท่าน ว.วชิรเมธี : มาหาพระพุทธเจ้าอย่าขอ แต่บอกว่าพระองค์จะเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตของเรา
วู้ดดี้ : อยากจะได้เงินเยอะๆ วันนี้ขอให้เงินไหลมาเทมา ไม่ใช่
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่มีทาง พระพุทธเจ้าไม่ได้มีหน้าที่มาหาเงินให้ใคร ท่านมีหน้าที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรา พระธรรมทำหน้าที่เป็นแผนที่ให้เรา พระสงฆ์ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้เรา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้านับถือให้ถูกต้อง ต้องเป็นแบบนี้นะ
วู้ดดี้ : ขอให้พ่อแม่พ้นจากทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ หรือขอให้ครอบครัวมีความสุข อันนี้ก็ไม่ใช่
ท่าน ว.วชิรเมธี : ถ้าคุณขอให้โลกนี้จะมีคนผิดหวังมั้ย พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ เป็นศาสนาแห่งการลงมือทำ คุณอยากได้อะไรดีๆ คุณทำเหตุให้ดีแล้วผลที่ดีจะตามมา คุณมาขอท่านแต่คุณไม่ได้ทำอะไรให้พ่อให้แม่เลย ท่านจะดีมั้ย
วู้ ดดี้ : วู้ดดี้ก็จะบอกว่าผมจะเริ่มจากการเป็นคนดี ผมจะมีสติในการใช้ชีวิต ผมจะดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงเพื่อที่จะได้มีสติในการช่วยเหลือชาวโลก
ท่าน ว.วชิรเมธี : ถูกต้อง เรามาหาพระองค์ท่านเพียงเพื่อขอให้พระองค์ท่านเป็นสักขีพยานให้เรา การลงมือทำเป็นเรื่องของเราทั้งหมด เคยได้ยินมั้ย อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน
วู้ดดี้ : แสดงว่าตั้งแต่เกิดมาผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าเวลาเจอพระคือขอๆๆๆๆ อย่างเดียว
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่ใช่แล้ว พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ เราเป็นศาสนาแห่งการลงมือทำ ไม่ใช่ให้มาหาแล้วก็ขอๆๆๆ
วู้ดดี้ : แล้ววู้ดดี้ควรจะตั้งจิตแล้วก็อธิษฐานว่ายังไงครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ตั้งสัตยาธิษฐานว่าวันนี้ข้าพระพุทธเจ้ามาอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ แล้ว พระองค์เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้วยความเพียรพยายามของพระองค์เองฉันใด ข้าพเจ้าจะขอเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้วยความเพียรพยายามของข้าพระ พุทธเจ้าฉันนั้นเหมือนกัน นี่เป็นการขอที่ถูกต้องนะ ขอให้ตัวเองได้ทำอย่างที่พระองค์ทำสำเร็จมาแล้ว ไม่ใช่มาขอให้พระองค์มาทำให้เรา
อยู่บนโลกนี้มา 32 ปี เพิ่งรู้วันนี้แหละครับว่าการที่คนเราจะทำอะไรได้หรือจะประสบความาสำเร็จ นั้น คนเดียวที่เราจะต้องพึ่งคือตัวเราเอง
ท่าน ว. พาผมมาที่กุฏิส่วนตัวของท่านด้วยครับ ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริงเพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ก็สมกับที่ใครๆ ยกย่องว่าท่านเป็นพระนักปราชญ์ ผมอยากรู้ว่าบุคคลต้นแบบหรือไอดอลของท่านนั้นคือใครครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : แน่นอนที่สุดเบอร์หนึ่ง แล้วไม่มีเบอร์สองด้วยนะ ต้องพระพุทธเจ้า อันนี้ยกไว้เลยนะ เป็นพระถ้าไม่ถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นไอดอลก็คงไม่ใช่พระแล้วนะ ทีนี้ในแง่คนทั่วไป พระคือท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นแรงบันดาลใจให้พระอาจารย์ในแง่ของการเป็นพระที่กล้าที่จะคิดนอกกรอบ และมีความกล้าหาญทางจริยธรรมที่จะเทศน์ที่จะสอน ท่านยินดีที่จะพูดความจริงโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องตาย รูปที่สองพระพรหมคุณาภรณ์ ได้เปรียญธรรม 9 ประโยคตั้งแต่ยังเป็นสามเณร มีความแม่นยำในทางพระธรรมวินัยสูงมาก เป็นพระไทยรูปแรกที่ไม่ได้เรียนเมืองนอกแต่มีปัญญาพอที่จะไปสอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด สาม หลวงพ่อชา สุภัทโท เพราะพระอาจารย์อยากเจริญรอยตามหลวงพ่อชา สุภัทโท อาศรมอิสรชนจึงเกิดขึ้น มิฉะนั้นพระอาจารย์ไม่มาปลีกวิเวกอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 เพราะพระอาจารย์ฝันที่จะเป็นอย่างท่าน ต่อไปรูปที่สี่ ท่านดาไลลามะ เป็นพระที่มีชีวิตชีวามาก ความรู้ทางโลกดีมาก ความรู้ทางธรรมดีมาก แล้วเป็นพระที่นำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ชาวตะวันตกยอมรับ ท่านเป็นพระของวันนี้ที่ร่วมสุขร่วมทุกข์กับชาวโลกแล้วชาวโลกสัมผัสได้ แล้วก็รูปที่ห้า พระเซ็นชาวเวียดนามชื่อท่านติช นัท ฮันห์ เป็นพระวิปัสสนาญาณสายเซ็นที่ได้รับการยอมรับสูง หนึ่งในสองรูปของโลกนี้
วู้ดดี้ : พระพุทธเจ้าบอกว่ากิเลสเป็นตัวทำให้เกิดทุกข์ แต่ถ้าวู้ดดี้เองไม่มีกิเลส เช่น ไม่อยากทำรายการ ไม่อยากมีรถยนต์เพื่อเดินทางมาหาท่าน ไม่อยากขึ้นเครื่องบินมาหาท่าน แล้วเราจะมีวันนี้ได้ยังไงครับท่านอาจารย์ มันต้องมีบ้างไม่ใช่เหรอ
ท่าน ว.วชิรเมธี : คนไทยมักจะเข้าใจผิดนะ แท้ที่จริงถ้าคุณไม่มีความอยากอย่างนี้ คุณก็สามารถทำอะไรดีๆ และยิ่งกว่านี้ได้ ฉะนั้นความอยากจึงมีสองอย่าง 1. อยากเพราะถูกผลักดันโดยตัวกิเลส 2. อยากเพราะถูกผลักดันโดยตัวปัญญา ทีนี้ถ้าปัญญามันผลักดันคุณ มันจะให้คุณมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เช่นอย่างพระอาจารย์อยากแสดงธรรม ปัญญามันพาทำนะ ปัญญามันจะบอกว่าทำเถอะ เพราะว่าธรรมะช่วยเปิดหูเปิดตาให้คนพ้นทุกข์ ทีนี้ถ้าความอยากคือกิเลสมันพาทำนะ ทำเถอะไปออกทีวีเถอะแล้วท่านจะดัง
วู้ดดี้ : ถ้าวู้ดดี้อยากจะเป็นนายก วู้ดดี้จะ manage กิเลสยังไงฮะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ก็ต้องถามดูว่า คุณอยากจะเป็นนายกเพื่ออะไร
วู้ดดี้ : เพื่อเปลี่ยนประเทศนี้ให้มันดีขึ้น
ท่าน ว.วชิรเมธี : ถ้าอย่างนี้นะ คุณไม่ได้ทำเพราะกิเลส คุณทำเพราะปัญญาเป็นความอยากที่ถูกต้อง
วู้ดดี้ : ถ้าผมอยากจะเป็นนายกเพราะผมอยากจะโกงกินประเทศนี้ อยากเอาเงินเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองให้ครอบครัวเรารวย
ท่าน ว.วชิรเมธี : อันนี้คุณทำเพราะตัณหา แสดงว่าคุณเป็นนายกที่มีโอกาสจะเป็นทรราชย์สูงมาก
วู้ดดี้ : ถ้าผมอยากจะเป็นนายกเพราะว่ามีคนแบ๊คแล้วก็สั่งให้ผมต้องเป็นนายก
ท่าน ว.วชิรเมธี : อันนี้คุณทำเพราะตัณหา คุณเป็นตัวแทนของกิเลส หัวหน้าพรรคของคุณคือกิเลสไม่ใช่ปัญญา เพราะฉะนั้นวัดได้หรือยังว่าความอยากมันมีสองอย่าง อยากทำอะไรดีๆ เพราะมีปัญญาเป็นความอยากที่ถูกต้อง อยากทำอะไรดีๆ เพราะมีตัณหาเป็นความอยากที่ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นวันหนึ่งคุณโยมทำรายการนะ แต่คุณโยมมีเงินมากแล้วมีชื่อเสียงมากพอแล้ว คุณอยากจะให้แต่สาระประโยชน์แก่คนไทยล้วนๆ นี่แหละความอยากของคน เป็นความอยากที่ถูกต้อง
วู้ดดี้ : ตอนนี้คนไทยทั้งประเทศมีความทุกข์เยอะ บางทีหาทางไม่ได้ก็ฆ่าตัวตาย วู้ดดี้ออยากจะให้คนที่ดูอยู่และมีความรู้สึกแบบนั้น ได้มีโอกาสในการคิด อยากจะให้พระอาจารย์ช่วยให้เขามีสติหน่อย
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์อยากให้เขาลุกขึ้นมา เดินออกจากสภาพแวดล้อมอย่างนั้น แค่คุณเดินออกไปพลังงานด้านลบก็จะหายไปจากตัวคุณแล้ว ถ้าคุณมีแนวโน้มกำลังจะฆ่าตัวตาย คุณพูดให้เพื่อนฟังนะ โทรศัพท์ไปหาเพื่อน เพื่อนจับสัญญาณได้ เพื่อนจะได้ช่วยคุณได้
วู้ดดี้ : ถ้าคนที่ไม่มีเพื่อนล่ะครับ ไม่มีเพื่อนไม่มีครอบครัว อยู่คนเดียวล่ะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : คุณก็สร้างขึ้นมาใหม่ให้มันมีได้นี่ เปิดโทรทัศน์ก็ได้ ไปหาเทปธรรมะมาฟังก็ได้ เพื่อนมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ขึ้นอยู่แต่ว่าคุณเปิดหูเปิดตาเปิดใจหรือเปล่า เคยได้ยินคำนี้มั้ย โลกของวู้ดดี้ต้องไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนี้แน่ๆ “กัลยาณมิตร” อีกคำหนึ่ง good friend เพื่อนแท้ แต่คนไทยไม่ชอบหรือบางทีไม่ให้ความสำคัญกับกัลยาณมิตรนะ บางทีเราไม่รู้จักด้วยซ้ำ เรามีสิ่งหนึ่งมากเกินไปนั่นคือ ปาปมิตร เพื่อนชั่ว เพื่อนเลว ชวนกันไปกิน ชวนกันไปเที่ยว
วู้ดดี้ : สนุกมาก
ท่าน ว.วชิรเมธี : ชวนกันไปเล่น
วู้ดดี้ : โห…มันมันส์
ท่าน ว.วชิรเมธี : ชวนกันไปเมา
วู้ดดี้ : สนุกเลย
ท่าน ว.วชิรเมธี : ปาปมิตรทั้งหมด เขาเรียกเพื่อนชั่ว คบแล้วต่ำลงๆๆๆ บางทีหน้าตาดีแต่ใจต่ำ
คำถามสุดท้ายที่ผมจะถามท่าน ว.วชิรเมธี เป็นคำถามที่หลายคนบอกว่า เราไม่ควรถามพระ แต่ผมเชื่อว่าท่านมีคำตอบครับ
วู้ดดี้ : ท่านเป็นเพศชายแน่นอน ท่านเข้ามาอยู่ในโลกของธรรมะ ท่านสามารถระงับอารมณ์ทางเพศได้อย่างไร
ท่าน ว.วชิรเมธี : เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่เรา จะไปให้ความสำคัญกับมันมากหรือน้อย คนทุกคนมีนะ อารมณ์ทุกอย่างที่มีในปุถุชนก็มีในพระทั้งหมด แต่พระเราจะถูกสอนให้เรียนรู้ที่จะไม่ต่อยอดสิ่งเหล่านี้
วู้ดดี้ : แสดงว่าเวลาเกิดกำหนัดเราก็แค่ไม่ต่อยอด…จบ
ท่าน ว.วชิรเมธี : เราก็เดินหนี แค่นั้นเอง กามารมณ์เกิดจากความคิด
วู้ดดี้ : งั้นเวลาสมมติว่าท่านท่องเน็ต แล้วดันเผอิญไปคลิกผิดแล้วมีไซต์โป๊ขึ้นมา เคยมีมั้ยฮะ
ท่าน ว.วชิรเมธี : มันแย่มากเพราะอาตมาไม่ไปท่องเว็บที่ไร้สาระแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้ามันเข้ามาก็ไม่เป็นปัญหาถ้าเราไม่ต่อยอด แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ชัดแล้วหลังตรัสรู้ว่ากามารมณ์ก็คือความคิด ถ้าคุณไม่คิด ความรู้สึกเชิงกามารมณ์ไม่เคยมีตัวตน
วู้ดดี้ : มนุษย์เราต้องมีเพศสัมพันธ์ใช่มั้ยฮะ มันก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นความสุขทางโลก ถ้าไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่มีเราทุกวันนี้ เราจะอธิบายได้ยังไง เราจะแยกแยะได้ยังไง ไม่งั้นโลกทั้งโลกใบนี้ ผู้ชายทุกคนก็ควรต้องเป็นพระสิครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่มีใครพูดอย่างนั้น พระพุทธเจ้าก็ไม่พูดอย่างนั้น เรามักจะคิดว่าความสุขที่เข้มข้นที่สุด ถึงอกถึงใจที่สุดคือความสุขเชิงกามารมณ์ใช่มั้ย หยิบจับสัมผัสได้ แต่คุณลืมไปว่าความสุขมันเป็นขั้นบันไดนะ แต่มนุษย์ติดอยู่บันไดขั้นแรกคือสุขจากกามารมณ์แล้วก็คิดว่าถึงที่สุดแล้ว หลวงพ่อไม่เท่าฉันหรอกน่า ไอ้พวกนี้มันอยู่ในมูตรในคูถแล้วมีความสุขที่สุด แล้วมันไปสงสารคนอื่นที่ไม่มีความสุขเหมือนตัวเอง คิดว่าความสุขจากกามารมณ์เป็นสุขที่วิเศษที่สุด หลวงพ่อหลวงพี่ทั้งหลายไม่มีโอกาส สู้เราไม่ได้
วู้ดดี้ : เราถึงจุดสุดยอดแต่พระไม่ถึง
ท่าน ว.วชิรเมธี : ใช่ เราลืมไปว่าจุดสุดยอดไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องเกิดจากกามารมณ์เท่านั้น มันอาจจะเป็น Spiritual Orgasm ก็ได้
วู้ดดี้ : มันมี Orgasm หลายแบบ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ใช่ ทำไมคุณไปคิดว่ามันมีแค่ไหนล่ะ
วู้ดดี้ : งั้นความสุขทางโลกของเราจริงๆ แล้วในหลักของพระพุทธศาสนามันไม่ใช่อย่างนั้นเลยใช่มั้ย
ท่าน ว.วชิรเมธี : คือความสุขที่มนุษย์บอกว่าสุขที่ถึงที่สุดแล้วก็ทุกข์ถึงที่สุดก็เพราะความ สุขชนิดนี้ คือสุขเพราะกามารมณ์ พระอาจารย์อยากจะบอกว่ามันเป็นแค่ความสุขขั้นต่ำที่สุด จุดสุดยอดในวงการพุทธศาสนาคือการเป็นพระอรหันต์ การบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณเหมือนที่พระพุทธเจ้าบรรลุ พอเราไปถึงที่สุดทุกข์เราบรรลุมรรคผล เราวิวัฒนาการถึงจุดสูงสุดแห่งความเป็นมนุษย์ มีความสุขตลอดกาล ยังมีขั้นที่สองนะ ปัญญาสุข สุขจากการแสวงหาปัญญา
วู้ดดี้ : แล้วขั้นต่อไปล่ะครับ
ท่าน ว.วชิรเมธี : ขั้นที่สาม สมาธิสุข สุขจากการที่หลับตานั่งนิ่งๆ ตามดูลมหายใจ พอจิตสงบร่างกายก็สดชื่นเบิกบานหลั่งสารเอนโดฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออก มานะ เท่านั้นแหละวู้ดดี้จะรู้สึกว่ามันชุ่มเย็นมันเบิกบานทั้งเนื้อทั้งตัว พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า เวลาสารแห่งความสุขหลั่งออกมา ไม่มีตรงไหนตั้งแต่หัวจรดเท้าที่รังสีแห่งความสุขแผ่ไปไม่ถึง นี่เรียกว่าสมาธิสุข วันหลังลองนั่งสมาธินานๆ ซักครั้งละครึ่งชั่วโมง แล้ววู้ดดี้จะเห็นว่าสุขจากกามารมณ์ที่ตัวเองเคยผ่านพบมันเป็นแค่อะไรที่ เล็กที่สุด ต่ำต้อยที่สุด แล้วเธอจะหันไปมองความสุขชนิดนั้นเหมือนคนที่ถ่มน้ำลายทิ้งแล้วไม่เสียหายเลย แล้วคุณจะรู้ว่าคุณไปหลงอยู่ตรงนั้นเสียตั้งนาน สุขที่สูงกว่านั้นยังมีอยู่ทำไมไม่มอง บางครั้งมาดูถูกด้วยนะ นี่แค่ขั้นที่สามเองนะ สมาธิสุขจนน้ำหูน้ำตาไหล นี่ขั้นที่สาม สุขที่สี่ สุขสุดท้ายที่ปลายทางชีวิตมนุษย์ทุกคนควรไปให้ถึง นิพพานสุข เป็นความสุขที่เราเป็นอิสระจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง
ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมไม่เคยเสียน้ำตาแต่มีความสุขมากขนาดนี้ครับ อาจเป็นเพราะว่าผมได้คำตอบแล้วในที่สุด สุดท้ายเรื่องที่ผมคิดว่าไกลตัวผมมากกลับกลายเป็นสิ่งที่ใกล้มากกว่าที่คุณคิด เพราะทั้งหมดคือเรื่องของใจและตัวเราเอง และแล้วแขกรับเชิญที่ผมคิดว่าไม่ใช่มากที่สุดกลับกลายเป็นแขกที่ใช่ที่สุด สำหรับผม
ที่มา : http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8400019/A8400019.html
=========================================
คำสอนท่าน ว.วชิรเมธี จากรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ฉบับเก็บตก ภาค 2
หลังจากรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยออกอากาศท่าน ว.วชิรเมธี แล้ว มีเสียงตอบรับชื่นชอบล้นหลาม อาทิตย์ต่อมาจึงมีการนำบทสัมภาษณ์ที่ถูกตัดออกจากการออกอากาศครั้งแรกมาให้ชมอีก เชิญอ่านบทสัมภาษณ์คำต่อคำ
สัปดาห์ ที่แล้วสำหรับใครที่ยังไม่ทราบหรือไม่ได้ติดตามชม วู้ดดี้ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ปรากฎว่าหลังจากที่เรานำเสนอเทปอาทิตย์ที่แล้วที่เราออกอากาศปุ๊บ มีคุณผู้ชมเป็นจำนวนมหาศาลชื่นชมแง่คิดของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธีอย่างมาก ก็เลยถามผมนะครับว่า เอ…จริงๆ แล้วมันมีประเด็นอื่นอีกมั้ยที่เราไม่ได้นำเสนอออกอากาศ
เอางี้ดี กว่าครับ เรื่องแรกที่ผมจะนำเสนอก็คือเกล็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เราพูดคุยกันเกี่ยวกับ เรื่องของการเป็นพุทธศาสนิกชนซึ่งเทปอาทิตย์ที่แล้วเราไม่ได้แตะประเด็นนี้สักเท่าไหร่นัก ผมเลยรู้สึกเสียดายแทนคนที่ไม่ได้ชม คืนนี้ก็เลยจะนำเสนอเลยแล้วกันนะครับ ชมครับ
วู้ดดี้ : กราบนี่นะครับ ต้องมือขวาก่อนหรือมือซ้ายก่อน
ว.วชิรเมธี : จริงๆ พร้อมกันดีที่สุด
วู้ดดี้ : เอ้า…ผมเข้าใจว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง
ว.วชิร เมธี : หลายสำนักสอนอย่างนั้นนะ จริงๆ มีผู้อธิบายว่าบางทีพระท่านชราภาพ ถ้าท่านลงพร้อมกันท่านหน้าคะมำ ท่านลงทีละข้างมันรับน้ำหนักได้
วู้ดดี้ : อ๋อ นั่นคือที่มา
ว.วชิร เมธี : ที่มา เพราะฉะนั้นถ้าจะกราบให้ถูกนะลงพร้อมกันนั่นแหละ เดี๋ยวพระอาจารย์สอนตรงนี้ อัญชลีตรงหน้าอก วันทาโน้มตัวลงมา 45 องศา แล้วก็หัวแม่มือเราอยู่ตรงหว่างคิ้วนะ อภิวาทกราบลงไปพร้อมกันเลย
วู้ดดี้ : ก้นนี่คือ
ว.วชิร เมธี : ไม่โด่ง หน้าผากต้องแตะพื้น พระอาจารย์ให้สูตรไว้นะ เบญจางคประดิษฐ์นะ แบมือออก ศอกต่อเข่า หน้าผากแตะพื้น ลองดู ขึ้นมาก่อน อัญชลี วันทา อภิวาท (3 ครั้ง) ท่าสุดท้าย วันทาแล้วเราจะวางมือที่ตักของเรา เอ้า…เป็นชาวพุทธสมบูรณ์แบบแล้วทีนี้
วู้ดดี้ : ตั้งแต่เล็กจนโตผมก็เคยสวดมนต์ คุณพ่อคุณแม่ก็เคยสอนว่าสวดมนต์ก่อนนอน อิติปิโส นะโมตัสสะ ถามจริงๆ ว่าคนเราต้องสวดมนต์ทำไมฮะ
ว.วชิรเมธี : ในทางพุทธ การสวดมนต์ถ้าคุณสวดแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย อย่างน้อยที่สุดคุณได้บุญ
วู้ดดี้ : ได้บุญยังไงฮะ
ว.วชิร เมธี : ก็มีความปรีเปรมอิ่มเอมใจไง พระอาจารย์ตั้งแต่เด็ก โยมแม่พาสวดมนต์ทุกคืน ไม่เคยรู้ความหมาย โตขึ้นถึงมารู้ แต่ตลอดเวลาที่ได้ทำกับแม่นะ มีความสุขมาก เพราะฉะนั้นการที่ผู้ใหญ่ชวนเราสวดมนต์อย่างน้อยที่สุดท่านคงอยากให้เราได้ บุญเป็นเบื้องต้น ประการที่สองท่านต้องหวังว่าเราเป็นชาวพุทธเราควรจะสวดมนต์บ้าง เพราะอย่างน้อยที่สุดการสวดมนต์ก็เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นพุทธ แสดงว่าคุณน่ะมีที่พึ่งแล้ว แล้วก็ประการที่สาม เวลาสวดมนต์ด้วยกันพ่อแม่ลูกมันได้ความอบอุ่น ได้ความสัมพันธ์ ขณะเดียวกันประการที่สี่ ถ้าคุณเข้าใจบทสวดมนต์ คุณแปลด้วยนะ คุณได้ปัญญา
วู้ดดี้ : นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะถามต่อ มันผิดมั้ยถ้าเกิดวู้ดดี้จะสวดมนต์โดยการใช้ภาษาไทยและไม่ใช่ภาษาบาลี
ว.วชิรเมธี : ไม่ผิด ไม่มีกฎหมายฉบับไหนเขียนเอาไว้ว่าสวดมนต์ต้องภาษาไทยหรือบาลี
วู้ดดี้ : นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ แปลว่า
ว.วชิรเมธี : ขอนอบน้อมต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตรัสรู้ได้โดยชอบโดยพระองค์เองพระองค์นั้น
วู้ดดี้ : นี่คือครั้งแรกที่ผมทราบความหมายนะเนี่ย
ว.วชิรเมธี : เห็นมั้ย เพราะฉะนั้นมาคุยกับพระอาจารย์บ่อยๆ แล้วจะทราบอะไรดีๆ ไปเรื่อยๆ ธรรมะมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นนะ
วู้ดดี้ : นะโมตัสสะ ภาษาอังกฤษพูดยังไงครับ
ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์สำเนียงไม่ดีหรอก
วู้ดดี้ : มันประมาณไหนครับ
ว.วชิร เมธี : ก็แปลออกมาในลักษณะว่า ข้าพเจ้าขอนอบน้อม หรือข้าพเจ้าขอแสดงความเคารพต่อพระผู้มีพระภาค จะไม่แปลยาวยืดเหมือนที่พระอาจารย์แปล แต่ว่าฝรั่งสวดนะเชื่อมั้ย ฝรั่งเขาก็ไม่สวดคำแปลหรอกนะ พระอาจารย์ไปสอนฝรั่งบอกว่าภาษาไทยว่าอย่างนี้ ภาษาบาลีว่าอย่างนี้ ฝรั่งชอบภาษาอะไรรู้มั้ย
วู้ดดี้ : ภาษาอะไรครับ
ว.วชิรเมธี : ภาษาบาลี
วู้ดดี้ : เพราะว่า?
ว.วชิรเมธี : เพราะว่าพระพุทธเจ้าตรัสเป็นภาษาบาลี ฝรั่งถ้าเขาได้สวดเป็นภาษาบาลีเขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า
วู้ดดี้ : เหมือนเข้าถึง
ว.วชิร เมธี : เพราะฉะนั้นถ้าให้ดีที่สุดนะวู้ดดี้ สวดภาษาบาลีก่อน ถ้าคุณได้ภาษาบาลี คุณกำลังสวดด้วยภาษาเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าใช้ หลังจากนั้นคุณถึงจะแปล แต่ถ้าบาลีลำบากนักก็เอาเฉพาะคำแปลก็ได้ ถ้าได้แค่นี้ขึ้นมาเป็นชาวพุทธอีกขั้นหนึ่งแล้วนะ
วู้ดดี้ : แล้วเวลาเราสวดก่อนนอน มันจำเป็นมั้ยฮะต้องตั้งท่า เพราะบางที ผมยอมรับ ผมก็นอนไปเลยแล้วผมก็สวดอย่างนี้แล้วผมก็ปั๊บๆๆ สามครั้ง อันนื้คือวู้ดดี้ทำเป็นประจำ
ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์ว่าแค่นี้มันประเสริฐมหาศาลแล้วนะ ในโลกนี้มีคนอีกเท่าไหร่ที่เขาไม่เคยได้ยินคำว่าสวดมนต์ ไม่เคยได้ยินคำว่ากราบ แต่คุณรู้จักใช่มั้ย แล้วคุณก็ยังทำถึงแม้จะไม่ต้องตามมาตรฐานเป๊ะๆๆ แต่คุณก็ยังมีพระอยู่ในใจ มันไม่เป็นปัญหา พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่บนขื่อ
วู้ดดี้ : อยู่ในนี้ป่าวฮะ
ว.วชิรเมธี : อยู่ในใจคุณ คุณจะทำท่าทำทางอะไรคุณก็ทำของคุณไปสิ
วู้ดดี้ : ไม่ต้องทำท่าด้วยซ้ำไปก็ได้ แต่ให้เราระลึกถึง
ว.วชิร เมธี : นั่งเงียบๆ พระอาจารย์เดินทางไปต่างประเทศ พระอาจารย์นั่งอยู่ในเครื่องบิน พระอาจารย์นั่งสมาธิ ฝรั่งหลับหมด พระอาจารย์เดินจงกรมในเครื่องบิน
วู้ดดี้ : เขาไม่งงเหรอฮะ ว่าทำไมพระหรือคนห่มเหลืองนี้เดินไปรอบๆ เครื่องบิน
ว.วชิรเมธี : ก็ครั้งล่าสุดที่กลับมาจากฝรั่งเศส เขาก็มาถามพระอาจารย์ทำอะไร อาจารย์บอก walking meditation
วู้ดดี้ : 55555 พระอาจารย์นั่ง first business หรือ economy
ว.วชิรเมธี : economy หรือ first business พระอาจารย์ก็นั่งได้ทั้งนั้น
วู้ดดี้ : เวลาพระอาจารย์บินเดี่ยว แอร์หรือสจ๊วตต้องประเคนให้มั้ย แล้วเขาจะเข้าใจขั้นตอนหรือวิธีการประเคนเหรอครับ
ว.วชิรเมธี : คุณวู้ดดี้ไม่ต้องห่วงถ้าคุณรู้ภาษาอังกฤษ คุณอธิบายได้ ก็ไม่เป็นปัญหา พระอาจารย์ก็งูๆ ปลาๆ มั่วไปกับเขา
วู้ดดี้ : Please lift give me อย่างนี้เหรอครับ
ว.วชิรเมธี : โอ๊ย สบาย เขารู้
วู้ดดี้ : เขาก็ประเคนเหรอครับ แล้วถ้าเป็นแอร์ผู้หญิงแล้วมาแตะเนื้อต้องตัว
ว.วชิร เมธี : โยมไม่ต้องห่วงเลยนะ ฝรั่งเขาเจอคนมาแล้วทุกประเภท พอมาเจอพระบางทีไม่ใช่แค่มาประเคนนะ เชื่อมั้ยว่าฝรั่งชอบคุยกับพระ แต่พระอาจารย์บางครั้งภาษาอังกฤษก็ไม่ดี อย่ามาคุยกับฉันมากนะ ฉันพระปฏิบัติ เงียบเลย จริงๆ ไม่อยากพูดมาก
วู้ดดี้ : 55555
ต้องบอก นะครับว่ามีอยู่ประเด็นหนึ่งที่เรานำเสนอเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่มีหลายคนติดต่อมายังรายการของเรา email มาหาผม และมีการ comment กันอย่างล้นหลามเลยทีเดียวก็คือการที่รายการของเรานำเสนอภาพท่านติช นัท ฮันห์ ผิด เอาเป็นว่าบอกได้เลยว่าผมไม่ได้ทำอย่างนี้มาก่อน แต่ว่าขอโทษมากกกกก
ครับคุณผู้ชมครับ ขอโทษจากใจจริง ถือว่าเป็นการผิดพลาดที่ไม่ควรให้อภัย แต่ถ้ารักกันจริงควรจะให้อภัยกันหน่อย ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ตัวเราได้แก้เรียบร้อยแล้ว นี่ละครับคือภาพจริงของท่านติช นัท ฮันห์ เห็นแค่นี้ไม่เพียงพอ ใส่เข้าไปในก้อนสัมภาษณ์อีกรอบดีกว่า แล้วคุณจะได้เห็นเต็มๆ ว่าเมื่อของจริงออกมา แก้ไขเรียบร้อยแล้วมันจะเป็นยังไง
ช่วงหน้า ยังมีอีกหลายประเด็นที่วู้ดดี้อยากจะนำเสนอใจจะขาดนะครับ ที่สำคัญครับมีประเด็นที่หลายคนสงสัยมากคือ 1. วู้ดดี้ร้องไห้จริงหรือเปล่า 2. วู้ดดี้ร้องไห้เพราะอะไร
มาคุยกัน ต่อนะครับ ในคืนนี้ผมจะนำเสนอภาพหรือประเด็นต่างๆ ที่ไม่ได้นำเสนอออกอากาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี นะครับ พูดถึงแนวความคิดแล้วผมเองก็คิดมาโดยตลอดว่าศาสนาโดยเฉพาะศาสนาพุทธเป็น ศาสนาที่ไกลตัวผมมาก แต่ปรากฎว่าผมได้ค้นพบว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวสุดๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบยิ่งกว่านั้นก็คือแนวคิด บางทีคนเราอาจจะไม่เข้าใจว่าควรต้องคิดยังไง หรือว่าเรียงลำดับความคิดยังไงถึงจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข
ระหว่าง ที่เราได้มีโอกาสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี วู้ดดี้ตั้งข้อสังเกตอย่างหนึ่งเกี่ยวกับประเทศชาติบ้านเรา ผมมีความรู้สึกว่าเป็นไปได้มั้ยว่าประเทศของเราขาดนักปราชญ์ ในบางครั้งประชาชนก็เลยดูเหมือนว่าจะอ่อนแอ ไม่รู้จะเดินตามใคร เมื่อผมนำเสนอประเด็นนี้ให้กับพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ท่านเองตอบผมว่าอย่างนี้ครับ
ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์คิดว่าเมืองไทยมีนักปราชญ์ แล้วบางทีมีเยอะกว่าเมืองนอกด้วย แต่ว่าคนไทยไม่ค่อยใช้บริการนักปราชญ์ คนไทยใช้บริการพ่อมดหมอผีมากกว่า
วู้ดดี้ : นอกจากพระแล้วมีนักปราชญ์จริงๆ เหรอครับท่าน
ว.วชิรเมธี : เมืองไทยมีนักปราชญ์แต่เราใช้นักปราชญ์ไม่คุ้ม
วู้ดดี้ : ทำไมพี่น้องชาวไทยถึงไม่ค่อยอินเรื่องนี้ เพราะอะไร
ว.วชิรเมธี : เพราะวัฒนธรรมของไทยเป็นวัฒนธรรมความเชื่อมากกว่าวัฒนธรรมความรู้ ใครพูดอะไรมาเราเชื่อ เราไม่ค่อยถามว่าทำไม เราถามว่าแล้วไง ถ้าถามว่าทำไม เมื่อไหร่ ปัญญามันก็เกิดขึ้น บางทีถ้าเราถามว่ามีอะไรสงสัยมั้ย…เงียบ ปีที่แล้วพระอาจารย์ไปแสดงธรรมที่บอสตัน ท่องนะโมตัสสะ ฝรั่งมันยกมือ ถามว่ายูยกมือทำไม ไอขอใช้สิทธิ์ เดี๋ยวรอให้ฉันเทศน์เสร็จก่อน ที่เมืองไทยอาตมาไปเทศน์ถามว่ามีใครสงสัยมั้ย
วู้ดดี้ : เงียบ เป็นเพราะว่าตั้งแต่เด็กเราถูกบ่มมาว่าอย่าถามมาก อย่าซักมาก
ว.วชิรเมธี : ใครถามมากใครซักมากจะถูกเพื่อนในห้องมอง
วู้ดดี้ : โง่
ว.วชิรเมธี : เราบอกว่าเรื่องมาก แต่ในวัฒนธรรมอื่น คนที่ถามมากคนที่ซักมากคนนั้นคือพระเอก คนนั้นคือคนที่เด่นที่สุด ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เจอประโยคนี้เข้าไป ถอยหลังกันหมด
วู้ดดี้ : อะไรครับ
ว.วชิร เมธี : ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เราก็กลัวสิใช่มั้ยเจออย่างนี้ แต่ถ้าไปถามฝรั่ง ฝรั่งจะไม่พูดคำนี้ ฝรั่งบอกว่าไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้ ฉะนั้นเมืองไทยไม่ใช่ไม่มีนักปราชญ์แต่นักปราชญ์ของไทยไปโดดเด่นบนเวทีโลก แต่ว่าในบ้านของเรา เราใช้แต่พ่อมดหมอผีไง อย่างล่าสุดเกิดสุริยุปราคา 22 ก.ค. มีน้องนักข่าวคนหนึ่งโทรศัพท์มาสัมภาษณ์พระอาจารย์ บอกว่าพระอาจารย์ตอนนี้มีคนออกมาทำนายว่าบ้านเมืองจะเข้ากลียุคจะเกิดสึนามิ ผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางจิตวิญญาณจะเกิดอันตรายต้องระมัดระวัง ก็ต้องสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา อาตมาถามว่าที่ลอนดอน ที่อเมริกา ที่ปารีส เขาไม่เห็นตื่นเต้น ทำไมเมืองไทยตื่นเต้น เพราะเมืองไทยฟังพ่อมดหมอผี เห็นมั้ยว่าเราอยู่ในวิธีคิดแบบนี้ปราชญ์จะเกิดได้ยังไง
วู้ดดี้ : พระบางองค์นั่งสมาธิแล้วสามารถที่จะลอยได้ หรือมนุษย์เราสามารถที่จะลอยได้ ถ้าเกิดเรานั่งสมาธิขั้นสูงๆ แล้วมันมีจริงมั้ย
ว.วชิรเมธี : ในทัศนะพระอาจารย์นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก
วู้ดดี้ : การลอยตัวนี่เหรอ
ว.วชิรเมธี : เป็นเรื่องธรรมดาที่สุดและเป็นเรื่องที่ในแวดวงปฏิบัติแทบไม่พูดถึงเพราะว่ามันไม่มีราคาที่จะให้พูดถึง
วู้ดดี้ : แต่อาจารย์เชื่อว่ามี
ว.วชิรเมธี : มันเป็นเรื่องธรรมดา ทำไมเราจะทำไม่ได้ มนุษย์สมัยก่อนเขาไม่ได้เดินทางโดยเครื่องบินนะ เขาเหาะเหิรเดินหาวเพราะจิตเขาวิวัฒนาการสูงสุด เขาไม่ต้องใช้วัตถุมารองรับกายเลยนะ
วู้ดดี้ : จริงเหรอฮะ
ว.วชิรเมธี : เขาเหาะไปเลย ไปไหนมาไหนเขาเหาะไป พุทธจิตมันมีอำนาจขนาดนั้น ใช่มั้ย
วู้ดดี้ : แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์มันเป็นไปไม่ได้
ว.วชิรเมธี : แล้วคุณคิดว่าวิทยาศาสตร์เป็นใครล่ะ พอวิทยาศาสตร์บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ใช่มั้ย วิทยาศาสตร์มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ
วู้ดดี้ : แต่มันไม่มีข้อพิสูจน์ที่ครับพระอาจารย์ มันไม่มีข้อพิสูจน์ เราไม่เคยเห็นใครในอดีตที่สามารถเหาะได้
ว.วชิรเมธี : สิ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์เราสรุปว่ามันไม่มีได้มั้ย
วู้ดดี้ : ไม่ได้
ว.วชิรเมธี : ใช่ เพราะฉะนั้นอย่างมงายในวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง
วู้ดดี้ : ผมเคยได้ยินว่าอย่างมงายในไสยศาสตร์ แต่วันนี้ท่านบอกว่าอย่างมงายในวิทยาศาสตร์
ว.วชิรเมธี : ก็มีแต่คนไทยบางคนเท่านั้นแหละที่พูดว่าถ้าพุทธอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แล้วมันจะต่ำต้อย จึงไปพยายามเอาวิทยาศาสตร์มาอธิบายพุทธศาสนาเสียใหญ่โต บางทียิ่งทำยิ่งฉุดพุทธศาสนาให้ต่ำลง เพราะวิทยาศาสตร์เพิ่งเกิดเมื่อวานนี้ ในขณะที่พุทธศาสนาเกิดมาแล้วตลอดเวลา อยู่ในโลกนี้ไม่เคยไปไหน
วู้ดดี้ : ตลอดในการสนทนาของเรา พระอาจารย์ใช้คำว่าเจริญพร ภาษาอังกฤษคือ Yes
ว.วชิรเมธี : ถูกต้อง
วู้ดดี้ : ไม่ใช่หมายความว่าให้พรกับคุณ
ว.วชิรเมธี : ไม่ใช่ Buddha bless you เจริญพรก็คือ Yes
วู้ดดี้ : โอเค ดีครับ นั่งฟังอยู่ก็ไม่เข้าใจนิดนึงแต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเจริญพรแปลว่าใช่ ถูกนะครับ
มาถึงอีกประเด็นที่คนสงสัยนะครับ มีหลายคนตั้งคำถามว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ววู้ดดี้ร้องไห้จริงหรือเปล่า แล้วก็ร้องไห้เพราะอะไร ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าร้องไห้จริงๆครับ แต่คิดได้ไงครับคำถามนี้ว่าผมแกล้งร้องไห้รึเปล่า ร้องไห้เพราะอะไร มันคงไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าผมรู้สึกว่าผมเข้าใจมากขึ้นว่าความสุขที่เกิด จากปัญญามันคืออะไร ที่สำคัญก็คือเราใช้เวลานานพอสมควรในการฟังท่าน กว่าเราจะเสียน้ำตา คือมันอินครับเรียกว่าซึ้งในรสพระธรรมเอางี้ดีกว่า แต่เผอิญว่าเวลาในรายการสัปดาห์ที่แล้วมันไม่เพียงพอคงต้องมีการตัดทิ้งไปเยอะ คนก็เลยสงสัย อยู่ดีๆ มองท่านอยู่แล้วตัดมาอีกทีก็ร้องไห้มาเลยมันเกิดอะไรขึ้น ก็หวังว่าคงจะเข้าใจแล้วนะครับ
ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์ขอเล่านิทานเรื่องพุทธปรัชญาเรื่องหนึ่งเปรียบเทียบแล้วกันนะ มีพระสงฆ์ปฏิบัติธรรมแล้ววันหนึ่งล่วงลับดับขันธ์ไป พระรูปหนึ่งตายแล้วไปเกิดเป็นหนอนอยู่ในส้วม รูปหนึ่งตายไปเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ รูปที่เกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์วันหนึ่งส่องทิพยเนตรลงมาเห็นเพื่อนเป็น เกิดเป็นหนอนในส้วม สงสารมากเลย เหาะลงมาเลยนะ ตะโกนอยู่หน้าหลุมส้วม เพื่อน…ไปอยู่บนสวรรค์นะ แกมาอยู่ในหลุมส้วม โอ้โห ทุกข์นะเนี่ย เพื่อนหนอนได้ยิน ฉันจะบอกให้เวลาแกอยู่บนสวรรค์แกจะกินข้าวแกทำยังไง ก็ต้องเนรมิตเอาสิ อุ๊ย…แกยังเนรมิตเหรอ ฉันไม่ต้อง ฉันอยู่ในส้วม ทุกเช้า delivery มาเลย
วู้ดดี้ : 55555
ว.วชิรเมธี : ฉันมีความสุขมาก ฉันกินเสร็จแล้วฉันก็กลิ้งเกลือก อุจจาระคงคลังเต็มไปหมดเลย ฉันไม่มีปัญหาเรื่องความไม่มั่นคงในชีวิต
ขอบพระคุณอีกครั้งหนึ่ง พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ที่ชี้นำให้เราเห็นแสงสว่างในชีวิตของเรา ขอบพระคุณคุณผู้ชมด้วยที่เปิดใจติดตามชมรายการตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ เพราะถ้าเปิดมาชมกลางรายการหรือเปิดดูแค่ตอนต้นแล้วปิดไป อาจจะไม่ได้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวนะครับ ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งที่เปิดมาชมรายการของเราทุกคืนวันอาทิตย์นะครับ
ที่มา : http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8432715/A8432715.html
====================================