ถ้าถามว่า จะเป็นนักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร? คำตอบของคนจำนวนมากจะบอกว่า ต้องจบปริญญาบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการเงิน เพราะหลักสูตรนี้ประกอบไปด้วยวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุนที่จำเป็นทุกด้าน ไล่ตั้งแต่การวิเคราะห์งบการเงินของกิจการ การวิเคราะห์หลักทรัพย์ การบริหารพอร์ตโฟลิโอ นอกจากนั้นยังสอนพื้นฐานของการทำธุรกิจอื่นๆทุกด้าน ตั้งแต่การตลาด การผลิต การบริหารงานบุคคล และกลยุทธ์อื่นๆของธุรกิจ
ถ้าการลงทุนเป็นศาสตร์แบบเดียวกับวิศวกรรมหรือการแพทย์แล้วละก็ คำตอบก็น่าจะถูกต้อง เพราะคงเป็นเรื่องยากที่คนจบวิชาตบแต่งภายในจะมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบโครงสร้างตึก หรือคนจบนิเทศศาสตร์จะกลายเป็นหมอชื่อดัง แต่การลงทุนนั้นเป็นเรื่องของศาสตร์ไม่ถึงครึ่ง และศาสตร์ที่ใช้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ว่าที่จริง ผมคิดว่าคนที่เรียนจบระดับมัธยมถ้าตั้งใจจริง ก็สามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ส่วนที่สำคัญกว่าและยากกว่าในเรื่องของการลงทุนนั้นเป็นศิลปะ และนี่คือส่วนที่จะสร้างความแตกต่างระหว่างเซียนหุ้นกับนักลงทุนธรรมดา
ปีเตอร์ ลินช์ เรียนจบปริญญาตรี ดูเหมือนจะทางด้านภาษา เช่นเดียวกับปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ เขาบอกว่า วิชาที่มีประโยชน์จริงๆต่อการลงทุนเป็นวิชาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และปรัชญา ส่วนวิชาการเงินและการลงทุนที่เขาเรียนมาในระดับปริญญาโท นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว เขารู้สึกว่าทำให้เขาหลงทาง เข้าใจผิด ถึงขนาดบอกว่าคนที่เรียนวิชาเหล่านี้จะมีปัญหาที่จะต้องลบล้างสิ่งที่เรียนมา ถ้าต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน
บิล มิลเลอร์ เซียนหุ้นระดับเดียวกับ ปีเตอร์ ลินช์ แม้จะดังน้อยกว่า เรียนจบมาทางด้านปรัชญา ซึ่งดูไปแล้วห่างจากเรื่องของการเงินและการลงทุนที่จะต้องพิจารณาถึงตัวเลข การคาดการณ์อนาคต การวิเคราะห์ในเรื่องของการแข่งขัน และการบริหารจัดการของบริษัทธุรกิจต่างๆ แต่ มิลเลอร์ กลับเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจากการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ล้วนๆ
ชาร์ลี มังเจอร์ รองประธานของเบิร์กไชร์ และเพื่อนคู่หูของ บัฟเฟตต์ เรียนจบทางด้านกฎหมาย และเป็นนักกฎหมายมานานก่อนที่จะเข้ามาเป็นนักลงทุนเต็มตัว แต่เบื้องหลังจริงๆของเขานั้น เขาเป็น “นักศึกษา” ตัวยง เขาเรียนรู้วิชาต่างๆมากมาย ซึ่งน่าจะรวมไปถึงฟิสิกส์และปรัชญา เช่นเดียวกับสถิติและจิตวิทยา เขาบอกว่าการลงทุนที่จะประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการสอดประสานของวิชาต่างๆ เช่นนำความคิดของฟิสิกส์มาประยุกต์รวมกับปรัชญา หรือ นำวิชาสถิติมาเกี่ยวข้องกับจิตวิทยา พูดโดยสรุปก็คือ ยิ่งคุณมีความรู้กว้างในศาสตร์และศิลป์ที่แตกต่างกันคนละเรื่องเลยมากเท่าไร คุณก็จะได้เปรียบในการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น
วอเร็น บัฟเฟตต์ นั้นเรียนจบสายตรงมาทางด้านของธุรกิจและการลงทุน แต่อาจารย์ของเขาคือ เบน เกรแฮม ซึ่งถือเป็นบิดาแห่งการลงทุนแบบ Value Investment นั้น เป็นพหูสูตรในหลายๆเรื่อง เขาเป็นเซียนด้านคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษากรีก ละติน และดนตรี เรียนจบระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และถ้าจำไม่ผิด เขาเขียนบทละครเป็นงานอดิเรก
สิ่งที่เซียนหุ้นดูเหมือนจะมีเหมือนๆกันหมดก็คือ คนเหล่านั้นมักเป็นนักอ่านตัวยง เป็นนักคิด หลายๆคนสนใจและเรียนเกี่ยวกับปรัชญา บางคนก็ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ ทั้งหมดมีความรู้กว้างขวางในหลายๆสาขาวิชา ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงจะมาจากนิสัยรักการอ่าน และดูเหมือนว่า “ความลึก” จะเป็นเรื่องรอง เห็นได้จากการที่เซียนหุ้นส่วนใหญ่มักจะมีมุมมองที่ “กว้าง” และมักจะหลีกเลี่ยงประเด็นที่ลึกและเข้าใจยาก วอเร็น บัฟเฟตต์ เคยบอกว่า คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นอัจฉริยะที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน และการลงทุนนั้น คุณไม่ต้องเรียนรู้ตัวอักษรกรีกในคณิตศาสตร์ประเภท เบตา ซิกมา ที่นักวิชาการใช้กัน
ในความเห็นของผม วิชาพื้นฐานการลงทุนที่จะต้องเรียนรู้คงจะต้องมีเพื่อให้สามารถ “อ่าน” ธุรกิจออก ก็คือ วิชาบัญชีพื้นฐานและการวิเคราะห์การเงินพื้นฐาน ซึ่งหาหนังสือที่จะอ่านเองได้ไม่ยาก นอกจากนั้น คุณควรรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดหรือกลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจ ซึ่งมีหนังสือที่เขียนให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก จากนั้น คุณก็สามารถอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน โดยเฉพาะหนังสือคลาสสิคหลายๆเล่มทางด้าน Value Investment เหล่านี้คือพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการลงทุน แต่จะทำได้ดีแค่ไหนผมคิดว่า ความ “กว้าง” ของความรู้ น่าจะมีส่วนมากกว่า
การเรียน MBA ทางด้านการเงินนั้น แน่นอนว่ามันเป็นการปูพื้นฐานที่ครบครันในที่เดียว หรือเรียกว่า One Stop Service แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการที่จะประสบความสำเร็จจากการลงทุน นอกจากนั้น คุณจะต้องระวังว่า สิ่งที่สอนบางอย่างอาจจะทำให้คุณไขว้เขว และอาจทำให้คุณล้มเหลวจากการลงทุนได้ โดยเฉพาะถ้าคุณเชื่อตามที่นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อกันว่า ตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพสูงสุด คุณไม่มีโอกาสชนะในการลงทุน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องคิด
วิชาลงทุน
โลกในมุมมอง Value Investor
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร