ใครที่เคยอ่านหรือดูภาพยนต์สามก๊ก จะรู้ดีว่าตอนจบแล้วคนที่รวบรวม 3 ก๊กได้ ไม่ใช่ก๊กของโจโฉ เล่าปี่ หรือซุนกวน
…แต่กลับเป็นตระกูลสุมา ที่เริ่มสร้างความยิ่งใหญ่โดย ‘สุมาอี้’
สุมาอี้ แต่เดิมเป็นคนในสังกัดโจโฉ แต่เก็บซ่อนความมักใหญ่ใฝ่สูงไว้ในใจเพราะกลัวโจโฉจะระแวง
จนกระทั่งโจโฉตาย โจผีขึ้นมาแทน สุมาอี้ก็เริ่มมีบทบาทขึ้นแต่ก็ยังคงทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัว
จนกระทั่งโจผีตาย โจยอยขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ สุมาอี้ก็ยังคงอดทนทำตัวเป็นข้าราชการที่ดี
ออกรบปกป้องประเทศตามคำสั่งฮ่องเต้ ยอมอยู่ใต้อำนาจคนที่ฉลาดน้อยกว่าตน
กระทั่งโจยอยตาย โจฮองมาเป็นฮ่องเต้ สุมาอี้ที่อายุมากแล้วแถมโดนให้ไปกินตำแหน่งที่ไม่ได้กุมอำนาจทหารก็ยังเก็บอาการไว้ ไม่แสดงพิษสงออกมา
…จนกระทั่งคนในตระกูลโจ เชื่อสนิทใจว่าไอ้แก่คนนี้หมดเขี้ยวเล็บแล้ว…
สุมาอี้จึงแสดงพลังออกมาด้วยการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากโจซองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แล้วก็เชิดหุ่นชักใยฮ่องเต้สบายแฮ เปิดทางให้ตระกูลสุมารวมแผ่นดินได้ในเวลาต่อมา
เราจะเห็นว่า สุมาอี้มีความสามารถในการอดทนระดับเทพ สามารถรอให้คนเก่งๆในตระกูลโจตายไปหมดเสียก่อน แล้วค่อยมายึดอำนาจเมื่อทางสะดวก ซึ่งต้องใช้เวลาอดทนนานกว่าครึ่งชีวิตเลยทีเดียว
ในการลงทุนก็แทบไม่ต่างกัน หลายคนมักใจร้อนเกินไป ทำให้ต้องเสียโอกาสหรือมีผลตอบแทนที่ไม่ค่อยดีนัก
เช่น หุ้นลงนิดหน่อยก็กลัวจนรีบขายหมู , เห็นหุ้นลงไปจาก high ก็รีบซื้อ หรือเห็นหุ้น rebound หน่อยก็ต้องรีบกดตามกลัวตกรถ โดยที่ยังไม่ได้มีการวางแผนหรือทำการบ้านมาดีพอ ทำให้สุดท้ายก็ต้องเจ็บตัวไปตามระเบียบ…
ในตลาดหุ้นนั้น คนที่เป็นผู้ชนะจึงไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่รวดเร็วที่สุด หลายๆครั้งเราจะเห็นคนที่มีศิลปะของการรอคอยแล้วใช้โอกาสไม่กี่ครั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็สามารถกลายเป็นผู้ชนะที่แท้จริงและยั่งยืนได้
ดังนั้น นอกจากการฝึกอ่านพื้นฐาน อ่านงบ อ่านกราฟแล้ว การฝึก Investment EQ หรือการฝึกบริหารอารมณ์ ก็เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญสำหรับการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันครับ
…
‘รอแบบสุมาอี้’
โดย up150
14 มกราคม 2014
