คำแนะนำแรกที่เหล่า ‘กูรู’ มักจะบอกกับคุณคือ “สิ่งที่คุณทำไม่ได้ในการเล่นหุ้นคือการจับจังหวะตลาด”
แต่ที่จริงคุณทำได้ คุณสามารถจับจังหวะตลาดได้ เพราะผมก็ทำได้อย่างต่อเนื่องมาหลายสิบปีแล้ว
พูดง่ายๆเลยก็คือ การจับจังหวะให้ดีคือทุกสิ่งทุกอย่างทั้งในชีวิตและการเทรดหุ้น
เรามักจะได้ยินว่าบางคนโชคดีมากที่ไปอยู่ถูกที่ถูกเวลา อย่างเช่น Harrison Ford ที่ได้รับบทเล่นเป็น Hans Solo ในภาพยนตร์ Star Wars หลังจากที่เขาถูกขอให้มาช่วยอ่านบทในระหว่างที่ทำงานเป็นช่างไม้เตรียมกองถ่าย
ฟังดูเหมือนโชคจะเข้ามาหาเขาอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันคือสิ่งที่นักแสดงแต่ละคนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม และรอคอยโอกาสอยู่หลายปี
การประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนนั้นไม่เหมือนกับการถูกลอตเตอรี่ ที่คุณแค่มี “โชคดี” เข้ามาไม่กี่ครั้งแล้วก็ รวยเลย!
แต่มันจะต้องใช้ความขยันหมั่นเพียรในการเตรียมพร้อมเพื่อที่เราจะอยู่ “ถูกที่ ถูกเวลา” ได้ในจังหวะที่ถูกต้อง เมื่อสถานการณ์ที่ดีเกิดขึ้นคุณก็จะสามารถฉวยโอกาสไว้ได้อย่างเต็มที่
ซึ่งเรื่องนี้ก็ใช้ได้กับการเทรดหุ้นด้วย เพราะคุณไม่สามารถตื่นขึ้นมาตอนเช้า ปาลูกดอกไปที่กระดานเลือกหุ้นมาหนึ่งตัว แล้วก็หวังว่าจะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
การเทรดในระดับสูงนั้นคือการค้นหาจังหวะของตลาดที่เราจะเข้าไปอยู่ “ถูกที่ ถูกเวลา” ซึ่งคุณจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอย่างถูกต้อง
คนที่ชอบพูดว่า “คุณไม่สามารถจับจังหวะตลาดได้หรอก” โดยปกติมันหมายความว่า เป็นเพราะพวกเขาทำไม่ได้ ดังนั้น พวกเขาก็เลยนึกไม่ออกว่าใครจะทำได้หรือทำได้อย่างไร
แต่คุณก็ต้องจำไว้ด้วยว่า จังหวะเทรดของคุณนั้นไม่ใช่ว่าจะถูกต้องทุกครั้ง อันที่จริง คุณจะจับจังหวะถูกเพียงแค่ประมาณ 50% หรือครึ่งหนึ่งเท่านั้น
แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณบริหารการเทรดที่กำไรและขาดทุนอย่างไร ซึ่งมันจะแปรผันการจับจังหวะเทรดของคุณให้กลายออกมาเป็นผลตอบแทน
หากคุณต้องการทำอะไรที่ยอดเยี่ยมมากในชีวิต คุณต้องเลิกเชื่อฟังคนที่คอยบอกว่าคุณทำไม่ได้
คำพูดเชิงลบพวกนี้มักจะมาจากคนที่ไม่เคยทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ กลับกัน คุณควรจะเริ่มเชื่อและฟังคนที่บอกว่าคุณสามารถทำได้ ซึ่งมักจะเป็นคนที่เคยปีนขึ้นไปถึงยอดเขาและได้สัมผัสกับทิวทัศน์อันสวยงามของความสำเร็จมาแล้ว
ในการแสวงหาผลตอบแทนระดับสุดยอด จังหวะเทรดหรือ timing จะเป็นสิ่งที่แบ่งแยกคนที่ทำผลตอบแทนก้อนโตได้ออกจากคนที่มีผลตอบแทนระดับกลางๆ
การจะสร้างผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่คุณต้องทบต้นเงินลงทุนของคุณอย่างรวดเร็ว ยิ่งคุณทำกำไรได้เร็วเท่าไรผลตอบแทนของคุณก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย (เช่น ทำกำไรได้ 10% ต่อเดือน แทนที่จะทำได้ 20%ต่อปี)
ความแม่นยำจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการเข้าและออกจากการเทรดในจุดที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งนั่นหมายถึงการจับจังหวะซื้อและขายหุ้นของคุณ
เวลาที่คุณเทรดหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นที่มีคนติดตามไม่มากนัก การจับจังหวะเทรดหุ้นพวกนี้จะง่ายกว่าการพยายามคาดการณ์ทิศทางของตลาดแบบวันต่อวัน
งานของคุณคือการหาจังหวะซื้อหุ้นไปตาม “แนวที่มีแรงต้านน้อยที่สุด” (line of least resistance)
โดยแนวที่มีแรงต้านน้อยที่สุด คือระดับราคาที่หุ้นจะสามารถเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดการวิ่งขึ้นอย่างแรงในช่วงเวลาสั้นๆ
ซึ่งผมจะเรียกจังหวะแบบนี้ว่า การเทรดเร็ว หรือ velocity trades
ในฐานะเทรดเดอร์ที่มุ่งหวังผลตอบแทนระดับสุดยอด คุณควรมองหาจังหวะเทรดเร็วหรือ velocity trades อยู่เป็นประจำ เพราะมันสามารถให้ผลกำไรได้ตั้งแต่ 20% , 30% , หรือ 50% ในเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน
ทำให้เมื่อคุณมีจังหวะเทรดเร็วคุณก็จะสามารถทบต้นเงินของคุณได้เร็วขึ้น และอาจจะทำผลตอบแทนได้ถึง 20-30% ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน
ด้วยการสะสมกำไรจากการเทรดหลายครั้งเมื่อเวลาผ่านไป คุณก็จะทบต้นเงินของคุณจนกลายเป็นผลตอบแทนรวมที่สูงมาก
ในการจับจังหวะตลาด หรือแม้แต่การจับจังหวะเทรดหุ้นหนึ่งตัว คุณต้องมีรูปแบบและวิธีการที่อ้างอิงกับกฏเกณฑ์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสที่คุณจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าค่าเฉลี่ย
การใช้กราฟจึงเป็นสิ่งสำคัญ วิธีการของผมก็จะใช้รูปแบบของกราฟที่เรียกว่า การหดตัวของความผันผวน (VCP) ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ผู้ร่วมงานสัมนาและผู้ที่อ่านหนังสือของผมนิยมใช้กันมาก…
…
*ตัวอย่างจากหนังสือ Think & Trade Like a Champion ภาษาไทย