ผมเริ่มไปฝึกเล่นหุ้นจีน (ตลาด HK) ช่วงเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว ตอนนี้เลยเทรด 3 ประเทศ คือตลาดเมกา จีน ไทย
วันนี้เลยมา note ข้อสังเกตจากแต่ละตลาดแบบคร่าวๆนะครับ
(กดที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่)
ตลาดเมกา ; ปีที่แล้วถือว่าดีเป็นพิเศษ ดูจากความชันของ Nasdaq จะเห็นว่าปี 2020 ตลาดขึ้นชัน-เร็วกว่า และมีช่วงปรับฐานน้อยมาก เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
เมกาเป็นตลาดที่ Event-Driven สูง คือ แนวโน้มใหญ่ของหุ้นมักจะเกิดขึ้นหลังจากมีเหตุการณ์สำคัญ
เช่น งบออก (gap up/down 20-40%) , บริษัทอัพเดต guidance – แนวโน้มธุรกิจ , เปิดตัว product ใหม่ หรืออาจจะข่าวการเมือง ฯลฯ
pattern ที่เห็นได้บ่อยคือ หลังหุ้นวิ่งขึ้นไปซักพัก ก็จะมีเหตุการณ์หรือข่าวบางอย่างมากดดันให้หุ้น-ดัชนีย่อลงมาแรง ซึ่งจะเป็นช่วงพักทำ base ใหม่ของหุ้น
หลังข่าว-งบออก ถ้าเป็นเชิงบวก หุ้นก็มักจะดีดกลับภายในไม่กี่วัน ส่วนใหญ่ 1-3 วัน ก็ breakout new high ใหม่
แต่สิ่งที่ควรระวังสำหรับคนที่เพิ่งไปตลาดเมกาปีที่แล้วคือ ไม่ควรติดภาพว่าตลาดจะเหมือนกับปี 2020 ไปตลอดนะครับ
ส่วนคนที่คิดจะเริ่มไปเมกาปีนี้ แนะนำว่าให้รอช่วงที่ตลาด-หุ้นปรับฐานมาอยู่แถวเส้น MA 50 , 200 (ถ้าระยะกลางก็เส้น 20)
จะทำให้ได้จุดเข้าที่ดี และช่วยให้เล่นง่ายกว่าไปเข้าตอนที่ตลาด-หุ้นยังลอยๆอยู่
กลุ่มที่ดูมาไกล ถ้าหุ้น breakout แล้วเริ่ม fail กัน อาจจะเป็นสัญญาณของ late-stage ได้ครับ ต้องเริ่มระมัดระวัง
เพราะเวลาปรับฐานจริงจัง หรือเกิด mean reversion ตลาดเมกาจะโหดพอสมควรเลย
ตลาด HK ; ความน่าสนใจของหุ้นจีนคือ เป็นประเทศที่เศรษฐกิจและเทคโนโลยีเติบโตได้ดีสม่ำเสมอ (ดีทั้งด้านตัวเลขเศรษฐกิจและนวัตกรรม)
หากดูแค่ตลาดในประเทศก็ใหญ่มากแล้ว (พันล้านคน) ไม่รวมตลาดต่างประเทศ ที่หุ้นจีนหลายตัวทำตลาดทั้งโลก และอีกหลายตัวที่เริ่มจะทำตลาดโลก
ตลาดจีนเลยมีหุ้นที่วิ่งหลายสิบเด้งหลากหลายกลุ่มมาก ทั้งกลุ่มเทคฯ , software , โรงงาน , ร้านอาหาร , เสื้อผ้า , รองเท้า ฯลฯ
หลังโควิดสังเกตว่า ตลาดกับหุ้นรายตัวขึ้น-ลงค่อนข้างสอดคล้องกับการเติบโตของหุ้นแต่ละกลุ่ม รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าตลาดจะยังไม่ all time high แต่ช่วงนี้หุ้นรายตัวก็ทยอย breakout ATH กันเยอะมาก เกือบทุกกลุ่มเลยก็ว่าได้
การแกว่งตัวในแต่ละวันของหุ้นจีนค่อนข้างรุนแรง เพราะเป็นตลาดขนาดใหญ่ เม็ดเงินและจำนวนคนเทรดจึงเยอะตามไปด้วย
โดยเฉพาะเวลามีข่าวสำคัญ เช่น ทรัมป์แบน , ข่าวคุม big tech หรือช่วง take profit แรงๆ หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาพอสมควร
หุ้น HK pattern กราฟจะเหมือนหุ้นไทย (แต่ขึ้นลง x2 x3) คนที่ใช้กราฟเลยน่าจะคุ้นกับหุ้นจีนได้ไม่ยาก
เดี๋ยวอาจจะเขียนข้อคิดจากตลาดหุ้น HK เพิ่มเติม ขอศึกษาตลาดอีกซักระยะก่อนครับ
และสุดท้าย ตลาดไทยที่ดูอินดี้สุด ; กราฟ SET เทียบกับประเทศอื่นถือว่ายังตามหลังเค้าอยู่พอสมควร
หลังจาก rally ช่วงหลังเลือกตั้งปธน. พอเข้าเดือน ธ.ค. เราจะเห็นว่าตลาดไทยเริ่มมีอาการแปลกๆ ตั้งแต่ช่วงที่มี DELTA ทำให้ตลาดเริ่มผันผวนขึ้นลงแรง
ความผันผวนที่มากขึ้น แสดงว่าตลาดเริ่มที่จะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ตลาดไทยช่วงหลัง จะเป็นแนวมีหุ้นดัน index วันละ 1-2 ชุด แต่จะไม่ค่อยต่อเนื่อง
ทำให้ถึงแม้กราฟตลาดจะยังดูดี แต่หุ้นรายตัวกลับเล่นยากขึ้น
เช่น ดีดขึ้นไปไม่นานก็ร่วงมาที่เดิม , % การเหวี่ยงตัวในแต่ละวันก็ดูโหดขึ้นเรื่อยๆ , เกมการเล่นจะเร็วขึ้น (ตลาดเสือปืนไว)
ตลาดไทยคือลักษณะของ ตลาดที่ค่อนข้างเล็ก + หุ้นที่น่าสนใจมีน้อย แต่สภาพคล่องในระบบสูง
(ดอกเบี้ยต่ำ , นักลงทุนรายใหญ่-คนมีเงินมากขึ้น , กองทุน – fund flow)
เงินจะกระจุกอยู่ในหุ้นไม่กี่ตัว ไม่ได้หว่านทั่วถึงเกือบทั้งตลาดแบบเมกากับจีน
สภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้การเทรดตามกราฟยังพอไปได้ ส่วนสายพื้นฐานอาจจะหาหุ้นยากขึ้นกว่าเดิม หลังตลาดเด้งมาพอสมควรแล้ว
ถึงตลาดไทยจะเด้งขึ้นมาไม่น้อย แต่ภาพรวมก็ยังไม่ได้เหมือนสมัยยุครุ่งเรือง คงต้องใช้เวลาอีกซักพักครับ
…
ข้อสังเกตอีกอย่างคือ ตลาดแต่ละประเทศ จะมีกลุ่มหุ้นที่ชอบไม่เหมือนกัน
เราไม่ควรเหมารวมไปก่อนว่า หุ้นแบบเดียวกันจะเหมาะกับทุกประเทศ
การศึกษาหุ้น big winner ในช่วงที่ผ่านมาของแต่ละตลาด รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ-การเมือง
จะช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า ตลาดหุ้นประเทศนั้นมีแนวโน้มจะชอบหุ้นแบบไหนครับ
…
Blog 99 : Market Note Q1/2021 – ‘ภาพรวมตลาดหุ้น 3 ประเทศ’
14 มกราคม 2021