สวัสดีแฟนเพจ sarut-homesite ทุกคน พอดีเราอ่านหนังสือ Trading in the Zone ของ Mark Douglas แล้วเห็นว่ามีเนื้อหาน่าสนใจและสำคัญต่อการลงทุน เลยนำมาสรุปให้ทุกคนอ่านกัน
ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนให้ความสำคัญกับจิตวิทยาสูงมากๆ เพราะว่านักลงทุนสามารถศึกษา เรียนรู้ การวิเคราะห์เกี่ยวกับพื้นฐานและเทคนิคของหุ้นได้เอง แต่ในส่วนของการมี mind-set ที่ถูกต้องนั้น จะต้องใช้เวลาในการฝึกฝน
ซึ่งนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะมี mind-set ที่ถูกต้อง หรือว่า winning attitude (ทัศนคติที่เหมาะสม) ในการลงทุน
อันดับแรกเรามาดูความแตกต่างระหว่างนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จกันก่อน
โดยนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะมีทัศนคติในการลงทุนที่คล้ายกัน นั่นคือ
- มีวินัยในการลงทุน
- มีความแน่วแน่ จิตใจไม่หวั่นไหวไขว้เขวไปตามสภาวะแวดล้อมได้ง่าย
- มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ถึงแม้ว่าบางครั้งผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ก็ตาม
- ยอมรับความเสี่ยง เพราะเข้าใจว่าการลงทุนมีความเสี่ยงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
- ลงทุนซื้อหุ้นโดยปราศจากความลังเลหรือข้อขัดแย้ง
- สามารถตัดสินใจขายหุ้นแม้จะมีผลขาดทุนและไม่มีอารมณ์ความรู้สึกในแง่ลบ
- ปราศจากความกลัวหรือกังวล เพราะว่าพวกเขามีระดับสภาวะจิตใจที่มั่นคง และยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ของตลาดในขณะนั้น พวกเขาไม่ยึดติดอยู่กับความคิดของตัวเองเพราะมีโอกาสที่จะผิดพลาดได้ แต่ให้พฤติกรรมของตลาดเป็นตัวนำทางว่าควรลงมืออย่างไร
ในส่วนต่อไป จะกล่าวถึงแนวคิดดีๆเกี่ยวกับการทำให้มี mind-set ที่เหมาะสม หรือ Winning attitude ที่ได้จากหนังสือเล่มนี้
1. ความเชื่อ(belief) และ ทัศนคติ (attitudes) เป็นสิ่งที่จำเป็นของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ทัศนคติที่ว่านี้เกี่ยวกับความผิดพลาดในการลงทุน, การขาดทุน, ความไม่รอบคอบ/ไม่ระมัดระวัง
…เราต้องเข้าใจว่าการขาดทุนและความผิดพลาดจากการลงทุน มักจะเกิดขึ้นในการเทรดของเรา เพราะว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีใครที่จะถูกต้องตลอดเวลา
แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อเรารู้ว่าเกิดความผิดพลาด เราต้องแก้ไขให้ถูกต้อง และการเรียนรู้จากความผิดพลาดก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนา winning attitudes ของเราอีกด้วย
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่มีทัศนคติที่เหมาะสมในการลงทุน?
เมื่อเรามีทัศนคติที่ผิด เราจะทำพฤติกรรมที่ผิดพลาดในตลาด เช่น มีการซื้อ-ขายหุ้นบ่อยเกินไป เทรดตลอดเวลา, ซื้อหุ้นมากเกินไปหรือ position ของหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเมื่อเทียบกับพอร์ตโดยรวม, ซื้อน้อยเกินไป, ลังเลไม่ทำตามกฏเกณฑ์การลงทุนที่ตั้งไว้, รีบเข้าซื้อหุ้นเพราะกลัวตกรถ หรือรีบขายหุ้นเพราะกลัวราคาตก
..เชื่อว่านักลงทุนทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องผ่านสิ่งเหล่านี้ ดังนั้น หากเราสามารถลดหรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ได้ เราก็จะมีกำไรสม่ำเสมอและประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้
2. ยอมรับความผิดพลาดแต่เพียงผู้เดียว เพราะว่าในการลงทุนนั้น เราคือคนที่ตัดสินใจลงมือ (เหมือนกับซามูไรที่ตัดสินใจตวัดดาบ) ไม่กล่าวโทษผู้อื่นหรือตลาด ..ตลาด เป็นเพียงสถานที่ที่เสนอโอกาสในการซื้อ-ขายหุ้น
3. ยอมรับและเข้าใจความเสี่ยง … การยอมรับความเสี่ยงหมายความว่า การยอมรับผลลัพธ์จากการเทรดโดยปราศจากความกลัว
เมื่อเราไม่กลัว เราจะมองเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นเสมอและรับรู้ว่าตลาดกำลังบอกอะไรเราอยู่ เพราะเราจะไม่มีแรงกดดันหรือความคาดหวังกับพฤติกรรมของตลาด และจิตใจของเราจะไม่ผูกติดและไม่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น
เมื่อไรก็ตามที่จิตใจของเรานั้นปราศจากอคติหรือความคาดหวัง เราก็จะเห็นโอกาสและลั่นไกปืนได้แม่นยำขึ้น
4. การที่เราคิดอยู่เสมอว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ จะทำให้เราฝึกการคิดแบบความน่าจะเป็น เพราะตลาดอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ..อีกทั้ง ผลลัพธ์ก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนและเราก็ไม่สามารถควบคุมตลาดหุ้นได้ แม้แต่การกระทำของนักลงทุนแต่ละคนก็ยากที่จะคาดเดา
5. ความจริงพื้นฐาน 5 ประการ ที่เราต้องทำความเข้าใจ
– อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะว่ามักจะมีแรงขับเคลื่อนที่เรามองไม้เห็นเสมอในตลาดทุกช่วงเวลา
– เราไม่จำเป็นต้องรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เพื่อที่จะทำเงินจากตลาด เราเพียงแค่ทำตามแผนการที่เราวางไว้
– ผลลัพธ์ระหว่างการชนะและแพ้ เป็นการกระจายแบบสุ่ม นั่นคือเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ 100% ว่าเราจะชนะหรือแพ้ (ทำกำไรหรือขาดทุน)จากการลงทุนแต่ละครั้ง เพราะว่าแต่ละครั้งตัวแปรในตลาดก็แตกต่างกันไป
… หากคุณยังคงเชื่อว่า การเทรดนั้นเกี่ยวกับการวิเคราะห์และความถูกต้องแล้ว เมื่อคุณเสียเงินคุณจะคาดการณ์ผลลัพธ์หรือการเทรดในอนาคตของคุณด้วยความกังวลใจ ดังนั้น คุณจะพยายามรวบรวมหลักฐานมาสนับสนุนความคิดของคุณ หรือบางทีก็อาจจะเป็นไปในทางต่อต้านความคิดของตัวเอง ซึ่งสุดท้ายแล้วจะลงเอยด้วยการผิดพลาด..ความคิด บางทีก็เป็นภัยกับตัวเอง
ดังนั้น ทางที่ดีเราควรจะลงมือจากสิ่งที่เราเห็นจากตลาดในขณะนั้น
เหมือนที่ Jesse Livermore กล่าวไว้ว่า “Everything you need to know is right there in front of you.”
– การที่เราจำกัดขอบเขตของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่นอกเหนือความคาดหมายของเราไม่ได้
– ในแต่ละช่วงเวลามีความเป็นเอกลักษณ์ กล่าวได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด จะมีผลลัพธ์ที่ต่างกันไป แม้ว่าจะมีตัวแปรที่เหมือนกันในอดีต แต่ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะต้องเหมือนกับในอดีต
เมื่อไรก็ตามที่คุณสามารถปรับจูนทัศนคติของคุณให้ยอมรับความจริงพื้นฐาน 5 ข้อนี้ได้ คุณจะมีสภาพจิตใจในการลงทุนที่ดีขึ้น
คุณจะสามารถยอมรับความเสี่ยงในการเทรด เมื่อคุณรับความเสี่ยงได้ คุณก็จะยอมรับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (ทั้งดีและไม่ดี) ทำให้คุณปราศจากความกังวล ก้าวข้ามความกลัวไปได้
เมื่อนั้นคุณจะรับรู้ได้ว่าตลาดกำลังบอกอะไรเราอยู่ และลงมือตามที่ตลาดให้โอกาส ณ ขณะนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้คือแก่นหลักของคำว่า ‘Trading in the Zone’
…
‘สรุปแนวคิดจากหนังสือ Trading in the Zone’ :
โดย Artemis
24 สิงหาคม 2017
www.sarut-homesite.net
เป็นเล่มที่ผมว่าอ่านยาก (สำหรับผมนะครับ)
ขอบคุณที่สรุปมาครับ