เคยฟังคลิปสัมภาษณ์ปู่โอนีล (น่าจะช่วงปี 2013) มีคนโทรเข้ามาถามปู่ว่า
“เราจะรับมือกับพวก bot , HFT หรือตลาดที่ดูเล่นเร็วได้อย่างไรบ้าง”?
ตอนนั้นโอนีลตอบสั้นๆแค่ว่า ;
“การเทรดในตลาดที่มี bot , HFT เยอะๆ หรือ high volatile นั้น
ถ้าเราไม่เทรดให้เร็วขึ้นไปอีก เราก็ต้องเลือกที่จะช้าลงเอง”
ในมุมมองของปู่คือ แนะนำให้เล่นช้าลง เน้นดูภาพใหญ่ของหุ้น-ตลาดเป็นหลัก
อย่าไปแข่งเทรดเร็วตามเกมของพวก bot , HFT
แต่ผมก็ลองมาคิดต่อว่า การจะเร็วขึ้น-ช้าลงนั้น เราสามารถทำแบบไหนได้บ้าง?
.
การเทรดให้เร็วขึ้น ผมจะนึกถึงสไตล์ Paul Tudor Jones ที่เป็นสุดยอดของสาย active-aggressive trader
โดยหากเราดูคำแนะนำของ PTJ จากบทสัมภาษณ์ใน Market Wizards ก็จะพบประโยคประมาณนี้
– Quicker and more defensive. I am always thinking about losing money as opposed to making money.
– When you are trading size, you have to get out when the market lets you out, not when you want to get out.
– If I have positions going against me, I get right out; if they are going for me, I keep them.
– If you have a losing position that is making you uncomfortable, the solution is very simple : Get out, because you can always get back in.
– The most important rule of trading is to play great defense, not great offense.
– Now I spend my day trying to make myself as happy and relaxed as I can be.
.
ทำไมถึงต้องเร็วขึ้นและป้องกันตัวมากขึ้น (quicker & more defensive)?
เพราะในตลาดที่เหวี่ยงเร็ว ถ้าเรายัง active อยู่ แต่ไม่ป้องกันตัวเองให้ดีขึ้นหรือขยับตัวเร็วกว่าเดิม
ก็มักจะเจอการ slippage , fast drawdown แบบไม่ทันตั้งตัวอยู่บ่อยครั้ง
quicker & defensive จะเหมาะกับคนที่เทรดประจำ ที่ปกติจะมีการเทรดทดสอบตลาด-หุ้นอยู่เป็นระยะ
โดยเป้าหมายคือการจำกัด risk ให้น้อยที่สุด แต่ยังมองหาโอกาสเทรด และปรับกลยุทธ์ไปตามสถานการณ์จริง
เช่น ถ้าคิดจะซื้อหุ้นเพื่อทดสอบ-เล่นเด้ง ก็ควรซื้อให้เร็ว ซื้อก่อนคนอื่น
(จุดเข้า-ต้นทุน-จุดขาย ควรจะล่วงหน้าคนอื่น 1-2 ก้าว)
.
แต่ถ้าเทสแล้วหุ้นไม่มาตามนัด หรือพอกำไรแล้วหุ้นเริ่ม reverse กลับ เราก็ไม่ต้องถือรอจนคัทลึก-คัทไกลแบบปกติ
หรือถ้า position เริ่มดูไม่ดี ก็ต้องอย่ายืนนิ่งๆขาตายกลางทาง (ให้คนอื่นยิงใส่เรา)
พูดง่ายๆคือ ‘เปิดก่อนได้เปรียบ’ ทั้งตอนเข้าและออก
เพราะตลาดแนวนี้เวลาหุ้นไหลก็มักจะลงลึกและเร็วกว่าที่วางแผนไว้อยู่แล้ว
.
รวมถึงช่วงที่ตลาดมีตัวเลือกหรือหุ้นดีๆน้อย ทำให้คนโฟกัสเทรดหุ้นกลุ่มเดียวกัน จุดซื้อ-จุดสตอปใกล้กัน
จึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดการเทขายแรงๆให้หลุดทุกแนว แล้วค่อยดึงกลับทีหลัง เหมือนที่เราเห็นอยู่บ่อยครั้งในช่วงหลังมานี้ (stop hunt)
การฝึกป้องกันตัวเองให้เร็วขึ้น-เข้มงวดขึ้น จะช่วยประคองพอร์ตของเราได้ดี ในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง
.
สำหรับมือใหม่ สิ่งที่ต้องระวังหลักๆในการเทรดทำรอบคือ ช่วงที่ win rate ต่ำผิดปกติ แต่ cut loss & slippage สูงกว่าปกติ
ทำให้การเทรดแบบหมุนหุ้นเพื่อเก็บ R ไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่เราคิดไว้เสมอไป
และช่วงที่ตลาดค่อนข้างโฟกัสหรือเงินดูกระจุกตัว การคัดเลือกเทรดหรือ stock / sector selection ก็จะเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องให้น้ำหนักมากขึ้นพอสมควร
.
รวมถึง result ภาพใหญ่ในแต่ละปี ที่สุดท้ายแล้วอาจจะไม่ได้แตกต่างกับคนที่ดูเล่นช้า เล่นน้อย
แต่เลือกเล่นแค่ในจังหวะสำคัญ และมั่นใจจริงๆก็เป็นได้
(อาจเป็นเหตุผลว่า ทำไมโอนีลถึงแนะนำให้เล่นช้าลง พยายามดูภาพใหญ่แทน)
.
สำหรับการเทรดให้ช้าลงนั้น สามารถเลือกทำได้หลายแบบ
และปรับได้ตามระยะสั้น-กลาง-ยาว แล้วแต่เราจะเลือกสไตล์ เช่น
– ช้าลงในระยะสั้น การไม่รีบไล่ตอนหุ้นเพิ่งเบรกชัด-ขึ้นแรงชัด , อาจจะรอย่อเทสแนวเดิม หรือเขย่าใน time frame เล็ก
– ระยะกลาง อาจจะเน้นรอ base ใหม่ ที่หุ้นส่วนใหญ่มักจะย่อลงไปพักแถวเส้น MA 20 50 หรือบางตัวก็ทำหลุดไปก่อนค่อยดึงกลับใหม่
ในปีที่ภาพใหญ่ตลาดไม่ดีหรือเหวี่ยงแรง เรามักจะเห็นหุ้นนำตลาดลงมาพักที่เส้นระยะกลาง แล้วค่อยดีดกลับกันใหม่อยู่บ่อยครั้ง
(หลุดเส้นสั้น พักเส้นกลาง-ยาว)
– ระยะยาว-ภาพใหญ่ รอจังหวะที่ตลาด-หุ้นปรับฐานแรง ซึ่งในแต่ละปีจะมีช่วงแบบนั้นเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ (market panic / crash ทั้งตลาด)
และทำให้ตลาด-หุ้นที่เราสนใจลงมาเทสเส้นใหญ่อย่าง MA 100 , 200
ส่วนรูปที่แนบมาเป็นบทสัมภาษณ์ Richard Dennis จาก Market Wizards เหมือนกัน โดยผมตัดส่วนที่น่าสนใจมาบางจุด
เช่น เรื่องการวาง stop , การรอจังหวะราคาสูง-ต่ำเกินไปจาก program trading , การตรวจสอบความคิดและระบบของเราอยู่เป็นระยะ
นี่เป็นตัวอย่างคร่าวๆของการปรับตัว โดยเลือกได้ว่าจะเร็วขึ้นหรือช้าลง
(หรือปรับตามสถานการณ์จริงในช่วงนั้น)
คล้ายกับคำแนะนำของปู่โอนีลครับ
.
.
.
.
Blog 115 : ‘เทรดให้เร็วขึ้น หรือเลือกที่จะช้าลง’
11 กรกฏาคม 2023