เป้าหมายของการเทรดหุ้นคือ การทำกำไรในระดับที่ดีพอสมควรจากการลงทุนของคุณ
มันไม่ใช่การที่เราต้องพยายามทำ “ถูก” ทุกครั้ง เพราะมันไม่เกี่ยวกับการซื้อหุ้นได้ต่ำสุดหรือขายได้ราคาสูงสุด
ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้จะลองทำแค่ไม่กี่ครั้งก็ตาม (ไม่ต้องพูดถึงการทำได้อย่างสม่ำเสมอ)
สรุปก็คือในการเทรดหุ้นนั้น หากคุณไม่ได้ขายเร็วเกินไป คุณก็จะขายช้าเกินไป
99% ของการเทรดตลอดชีวิตของคุณจะตกอยู่ในสองอย่างนี้
ถ้าคุณซื้อหุ้นที่ราคา 20 เหรียญแล้วถือมันไปเรื่อยๆจนขึ้นไป 40 เหรียญ
จากนั้นมันร่วงลงมาเหลือ 30 เหรียญ คุณก็อาจจะโทษตัวเองว่าทำไมไม่ขายให้เร็วกว่านี้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่บั่นทอนจิตใจมากที่สุดคือ การเห็นหุ้นที่คุณถืออยู่พุ่งขึ้นไปเป็นอย่างแรง แล้วกลับตัวร่วงลงมาที่เดิมจนกำไรหายไปหมด
หรือแย่กว่านั้นคือ กลายเป็นการเทรดที่ขาดทุน
ดังนั้น คุณต้องจำไว้ว่าเป้าหมายในการเทรดของคุณคือ
‘การทำกำไรตอนที่ชนะให้มากกว่าผลขาดทุนตอนที่แพ้’
และทำการขายหุ้นเพื่อเก็บกำไรก้อนโตเมื่อคุณได้มันมา
และมีบางอย่างที่คุณควรจะรู้นั่นคือ
“คุณแทบจะไม่มีทางขายหุ้นได้ที่ราคาสูงสุดของมัน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำในการสร้างผลตอบแทนระดับสุดยอด”
แทนที่คุณจะมัวกังวลกับการขายหุ้นให้ได้ราคาสูงสุด หรือซื้อได้ราคาต่ำสุด
คุณควรทำให้ตัวเองกังวลเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการเทรดที่ดี และทำมันซ้ำไปเรื่อยๆ
เพราะเป้าหมายคือการขายหุ้นในราคาสูงกว่าตอนที่คุณซื้อมา
ซึ่งเรื่องนี้แทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับราคาสูงสุด ต่ำสุด หรือไม่ว่าหุ้นจะเคยเทรดอยู่ตรงไหนก็ตาม
ดังนั้น คุณต้องรู้ว่าเมื่อไหร่และทำไมถึงขายหุ้น
ในขณะที่คุณเพิ่งเริ่มหัดเทรดหุ้น ความสนใจส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่กฎเกณฑ์ต่างๆในการซื้อ
แต่คุณต้องไม่ละเลยที่จะศึกษาว่า ‘เมื่อไหร่ที่คุณควรขายหุ้น’ และ ‘ทำไมถึงควรขายในเวลานั้น’
เช่นเดียวกับรูปแบบการเข้าซื้อหุ้นของคุณ การขายหุ้นก็ต้องมีการใช้กฎมาช่วยเช่นกัน
ไม่ว่าคุณจะขายตอนที่ราคาหุ้นอ่อนแอหรือตอนที่มันแข็งแกร่งก็ตาม
การมีกฎหรือสัญญาณขายที่ช่วยบอกคุณว่าเมื่อไหร่และตรงไหนที่ควรขายหุ้น
จะทำให้คุณตัดสินใจเทรดโดยอ้างอิงจากหลักการและเหตุผลที่ดี
แทนที่คุณจะเทรดไปตามอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะความกลัวและความเสียดาย
โดย Mark Minervini
Think & Trade Like a Champion – บทที่ 9 จังหวะขายหุ้นและเก็บกำไรของคุณ