หุ้นผู้นำหรือหุ้นนำตลาดมักจะเริ่มวิ่งออกจากฐานราคาในช่วงที่ตลาดใกล้สิ้นสุดขาลง และเริ่มทำจุดต่ำสุดในตลาดหมี
บางครั้งกลุ่มหุ้นนำตลาดจะเริ่มวิ่งขึ้น ก่อนที่ตลาดจะทำจุดต่ำสุดไม่กี่วัน
แต่บางครั้งก็เริ่มวิ่งกันหลังจากที่ตลาดทำจุดต่ำสุดไปแล้วประมาณ 1-2 เดือน
หุ้นตัวที่ดีที่สุดจะทำจุดต่ำสุดก่อนดัชนีตลาด โดยในระหว่างการปรับฐาน ตอนที่ตลาดกำลังทำ lower low นั้น กลุ่มหุ้นนำตลาดมักจะยืนสวนได้และเริ่มทำ higher low ให้เราเห็น
กลุ่มหุ้นที่ยืนได้ดีที่สุดและวิ่งขึ้นไปทำ new high ได้ในช่วง 4-8 สัปดาห์แรกหลังจากที่ดัชนีตลาดทำจุดต่ำสุดคือหุ้นนำตลาดตัวจริง
และมีโอกาสสูงที่พวกมันจะให้ผลตอบแทนระดับสุดยอด
แต่มันก็มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้คุณพลาดไม่ได้ซื้อหุ้นกลุ่มที่ดีที่สุด
เพราะในช่วงแรกที่กลุ่มหุ้นนำตลาดชุดใหม่เริ่มเป็นขาขึ้นนั้น ราคาหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเดียวกันจะยังไม่ได้วิ่งตามหุ้นนำตลาดกันมากนัก
ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติ เพราะบ่อยครั้งมันจะมีหุ้นแค่ 1 หรือ 2 ตัวเท่านั้นที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่งของราคาอย่างชัดเจน
ในขณะที่ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงทำจุดต่ำสุด กลุ่มหุ้นนำตลาดที่ต้านทานการร่วงลงของดัชนีได้ดีที่สุด จะวิ่งขึ้นให้เห็นเป็นกลุ่มแรกและเบรกเอาท์ออกจากฐานราคาได้สำเร็จ
นักลงทุนส่วนใหญ่จะไม่สนใจปรากฏการณ์นี้ และปฏิเสธที่จะรับรู้การเบรกเอาท์ของกลุ่มหุ้นนำตลาด เพราะพวกเขาไม่กล้าซื้อหุ้นอีกแล้วหลังจากที่ผ่านมาตลาดร่วงลงมาอยู่เรื่อยๆ
มันคือจุดที่ตลาดเพิ่งจะทำจุดต่ำสุดนี้เองที่นักลงทุนส่วนใหญ่เจ็บตัวอย่างหนักจากผลขาดทุนในพอร์ตของพวกเขา
เพราะพวกเขาไม่ยอมตัดขาดทุนให้เร็วตั้งแต่ช่วงที่ตลาดเพิ่งปรับฐานใหม่ๆ
หลังจากภาวะตลาดหมี นักลงทุนจำนวนมากได้แต่หวังว่าหุ้นที่พวกเขาติดดอยอยู่นั้นจะกลับมาเท่าทุน
และเริ่มคิดว่าโลกกำลังจะล่มสลายเพราะผลการลงทุนของพวกเขาถูกทำลายอย่างยับเยินจากการที่พวกเขาไม่มีกฏในการขายหุ้น
ผลลัพธ์ก็คือพวกเขาไม่อยากรับรู้และไม่ต้องการมีส่วนร่วมใดๆกับการซื้อหุ้นนำตลาดชุดใหม่ และทำให้พลาดโอกาสทองครั้งสำคัญ
สิ่งที่ทำให้มันยากขึ้นในการตระหนักและรับรู้ถึงจุดซื้อที่ดีคือความจริงที่ว่า กลุ่มหุ้นนำตลาดจะถูกมองว่าราคาหุ้นอยู่สูงหรือแพงเกินไปสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่อยู่เสมอ
หุ้นนำตลาดคือกลุ่มหุ้นที่วิ่งขึ้นเป็นกลุ่มแรกและเริ่มทำ new high ในรอบปี ณ ตอนที่ตลาดเริ่มจะกลับตัว
มีนักลงทุนน้อยมากที่กล้าซื้อหุ้นที่ราคาใกล้ๆ new high และน้อยกว่านั้นที่ซื้อหุ้นได้ในจังหวะที่ถูกต้อง
พวกเขามัวแต่สนใจดัชนีตลาดแทนที่จะโฟกัสหุ้นนำตลาดรายตัว
ซึ่งสุดท้ายมันจะทำให้พวกเขาเข้าซื้อหุ้นช้าเกินไปและถือแต่หุ้น laggards เอาไว้ในพอร์ต
…
*ตัวอย่างจากหนังสือ Think & Trade Like a Champion ภาษาไทย
