สำหรับหุ้นเติบโตสูงหรือ growth stock นั้น จะมีหลายตัวที่ดู “แพงแล้ว” แต่มักจะแพงขึ้นไปอีก
ในทางกลับกัน หุ้นที่ดูเหมือน “ถูกแล้ว” ก็มักจะร่วงลงไปถูกกว่าเดิม โดยเฉพาะถ้าหุ้นตัวนั้นอยู่ในขาลงสเตจ 4
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการพยายามซื้อหุ้นให้ได้ที่จุดต่ำสุด มักจะไม่ใช่การได้ซื้อที่ราคาดีที่สุดจริงๆ
ถ้าคุณกำลังมองหาหุ้นที่น่าสนใจไม่กี่ตัวที่มีโอกาสเป็นสุดยอดหุ้นตัวจริงแล้วละก็ คุณควรเต็มใจที่จะจ่ายแพงขึ้น และนั่นหมายถึงหุ้นที่ดูเหมือนว่ามันวิ่งขึ้นมาแล้ว
เพราะว่าหุ้นที่ผลประกอบการเติบโตสูง ก็มักจะวิ่งขึ้นได้มากกว่าและเร็วกว่าหุ้นที่โตน้อยหรือไม่โตเลย ส่งผลให้มูลค่าหุ้น growth ดูแพงกว่า
มันเหมือนกับการที่รถเฟอรารี่ราคาแพงกว่ารถฮุนไดมือสอง อย่าคาดหวังว่าคุณจะพบของดีจำนวนมากในตะกร้าสินค้าลดราคา
เพราะเมื่อราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง และเริ่มสวนทางหรือ underperform ตลาดอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติมันคือสัญญาณเตือน ไม่ใช่ส่วนต่างที่ดี
Bill Ackman นักลงทุนระดับพันล้านได้เรียนรู้บทเรียนนี้อย่างเจ็บปวด
เมื่อหุ้นของบริษัท Valeant Pharmaceuticals International (VRX) หนึ่งในหุ้นที่ทำผลตอบแทนให้เขามหาศาลเริ่มร่วงลงอย่างรวดเร็ว
และลงไปต่ำกว่าเส้น MA 200 วัน
ซึ่ง Ackman ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีกเท่าตัว มันแสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อว่าเขาฉลาดกว่าตลาด หรือไม่ก็ตกหลุมรักเรื่องราวของหุ้น VRX มากเกินไป จนทำให้ละเลยสัญญาณอันตรายต่างๆที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่สัปดาห์ที่ราคาหุ้น VRX ปิดต่ำกว่าเส้น MA 200 วัน เมื่อเดือนกันยายน ปี 2015 หลังจากนั้นหุ้น VRX ยังตกลงไปอีก 92%
หากเราดูกราฟย้อนหลัง การปฏิบัติตามกฏที่เรียบง่ายอย่างเช่น การหลีกเลี่ยงหุ้นที่ราคาอยู่ต่ำกว่าเส้น MA 200 วัน ก็คงช่วยให้กองทุนของ Ackman และกลุ่มนักลงทุนที่ร่ำรวยของเขาไม่ต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่ได้
ตลาดหุ้นจะมีวิธีการสั่งสอนคนที่คิดว่าพวกเขารู้ดี และฉลาดมากเสียจนไม่ต้องสนใจคำตัดสินหรือคำเตือนต่างๆของตลาด
ดังนั้น การที่คุณยึดมั่นอยู่กับหุ้นที่อยู่ในขาขึ้นสเตจ 2 จะทำให้คุณค้นพบสุดยอดหุ้นผู้ชนะ และยังหลบเลี่ยงกับระเบิดเหมือนอย่างหุ้น VRX ได้..
…
*ตัวอย่างจากหนังสือ Think & Trade Like a Champion ภาษาไทย
