รวมข้อผิดพลาดสำคัญหลายอย่างที่ผมมักจะเห็นทุกครั้ง เวลาที่ตลาดปรับฐานแรง หรือช่วงขาลงครับ (bear market)
1. ‘ไม่มีจุด stop’ – เรื่องนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะเป็นปัญหาอันดับแรกของคนเล่นหุ้นส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ (mass)
จากประสบการณ์ของผมเองก็พบว่า มีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีวินัย วางแผนเทรดและตั้ง stop เป็นประจำ รวมถึงตัดขาดทุนตาม stop ที่ตั้งเอาไว้จริงๆ
จุด stop ที่เหมาะสม โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 5-7% เต็มที่ก็ราวๆ 10%
เพราะถ้าเราเพิ่งซื้อแล้วหุ้นร่วงลงไปขนาดนั้น แสดงว่าเราอาจจะคิดอะไรผิด หรืออาจจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติก็ได้ ไม่ว่าจะเกิดจากภาวะตลาดหรือหุ้นตัวนั้นก็ตาม
*ต้องกล้ายอมรับผิด อย่ามี ego อย่าคิดว่าเราต้องถูกเสมอ
ดังนั้น แค่ตั้งจุด stop และทำตามแผน ก็ถือว่าเราต่างกับคนส่วนใหญ่ขึ้นมาหนึ่งสเตปแล้วนะครับ
สำหรับเรื่อง stop loss ผมชอบเนื้อหาท่อนนี้ในหนังสือ Think & Trade Like a Champion ของ Mark Minervini ครับ ;
“การเทรดหุ้นโดยไม่มีจุดตัดขาดทุน ก็เหมือนกับการขับรถโดยที่ไม่ใช้เบรค
ในช่วงที่ตลาดดี คุณอาจจะรอดจากการเทรดแบบบ้าระห่ำและชะล่าใจไปได้ช่วงหนึ่ง
แต่จากประสบการณ์ของผม คนที่เทรดหุ้นโดยไม่ใช้จุดตัดขาดทุนเลย สุดท้ายเขาก็จะเลิกเทรดหุ้นไปเอง..”
2. ‘กลับเข้าตลาดเร็วเกินไป’
หลังจากที่ตลาดร่วงลงมาแรงแล้วเริ่มเด้ง หลายคนมักจะรีบเข้าซื้อหุ้นทันที โดยไม่อดทนรอสัญญาณยืนยันการกลับตัว (confirmed uptrend) , ไม่รอ FTD และไม่รอให้หุ้นทำฐานราคาที่ดีใหม่ก่อน
หรือถ้าคนที่ไม่ดูกราฟ ก็มักจะรีบซื้อ อัดหุ้นทันทีเวลาเห็นตลาดร่วงแรง ทั้งๆที่เศรษฐกิจ-งบการเงินของหลายบริษัทก็ยังไม่ได้ผ่านจุดต่ำสุด และเริ่มฟื้นตัวได้จริง
3. ‘Fear of missing out’
การกลัวตกรถเป็นสิ่งที่พบได้ประจำ และเป็นกับดักที่อันตรายมากในตลาดขาลง สาเหตุเพราะคนเรามักจะยึดติดกับราคาล่าสุดมากจนเกินไป
พอเห็นตลาดเด้งแรงก็รีบไล่ซื้อตาม โดยที่ยังไม่ได้พิจารณาภาพใหญ่ของตลาด – ฐานราคาของหุ้นตัวนั้น ว่าฐานราคาเริ่มดูดีหรือทำ bottom จริงๆแล้วหรือยัง?
4. ‘อยากเอาคืน’
เวลาที่เราเสียเงิน ขาดทุน เรามักจะอยากทำเงินกลับมาให้เร็วที่สุด ด้วยการเสี่ยงมากกว่าเดิม เข้าซื้อหุ้นอย่างดุดัน เทรดบ่อยกว่าปกติ (overtrade)
ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว การทำแบบนี้ในตลาดขาลงมักจะก่อให้เกิดหายนะตามมาภายหลัง
สิ่งที่ควรทำหลังจากขาดทุนหรือช่วงขาลงคือ การตั้งสติ ทบทวนข้อผิดพลาดให้ดี อดทนรอให้ตลาดทำ bottom process เสียก่อน
หลังจากนั้นเมื่อเริ่มเห็นโอกาสที่ดี ก็ค่อยๆกลับเข้าไปเทรด และฟื้นฟูพอร์ตกลับมาใหม่อีกครั้งครับ
5. ‘Hero & Ego Trade’
หลายคนคิดว่าการซื้อสวนตลาดหรือช้อนหุ้นตอนร่วงแรงๆ เป็นสิ่งที่น่าทำเพราะดูสวนกระแส และในช่วงขาขึ้นที่ผ่านมาการทำแบบนี้มักจะให้ผลลัพธ์ที่ดี
รวมถึงการที่มันเป็นแนวคิดในหลักการลงทุนกระแสหลักต่างๆอีกด้วย
แต่สิ่งที่ต้องระวังเมื่อตลาดเป็นขาลงคือ ตราบใดที่ภาพแนวโน้มขาลงยังไม่สิ้นสุด ราคาหุ้นจะร่วงลงไปถึงไหนก็ได้นะครับ (no price is too low for a bear)
คำแนะนำเพิ่มเติมครับ
- สำหรับสายผสม – CANSLIM ควรรอตลาดผ่านช่วง bottom process ซักระยะหนึ่งเช่น การ retest low , เกิด FTD หลังจากช่วงนั้น ถ้าหุ้นที่เราดูอยู่เริ่มทำฐานราคาที่ดีเช่น VCP pattern เกิดจุดซื้อที่น่าสนใจก็ค่อยลองทดสอบดูครับ
- ถ้าไม่ใช่ day trader หรือ short-term swing ควรหลีกเลี่ยงช่วง high volatility *อย่าเล่นในเกมที่เราไม่ถนัด
- ราคาที่เห็นว่าถูก เราประเมินเทียบกับกำไรในอดีต (pe ปัจจุบัน) หรือกำไรในอนาคต (fw pe) เพราะหากเศรษฐกิจถดถอย-กำไรของบริษัทลดลงเยอะ PE ที่ดูเหมือนถูกตอนนี้ ก็จะกลายเป็นแพงขึ้นมาทันที (หุ้นอาจจะถูกแล้วสำหรับเรา แต่ถูกพอสำหรับตลาดหรือยัง?)
- เราไม่จำเป็นต้องมีหุ้นในพอร์ตเยอะๆตลอดเวลา อย่าลืมว่าเงินสดก็ถือเป็น position ที่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตใหญ่ ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของคนที่มีเงินสดและเตรียมตัวพร้อม
- อย่าไปกลัวเรื่องเงินเฟ้อ , ดอกเบี้ยต่ำ ฯลฯ มากจนเกินไป เพราะเราไม่ได้จะถือเงินสดทิ้งไว้เฉยๆเป็นปี เราแค่ออกมานั่งดูรอจังหวะกลับเข้าตลาด เมื่อขาขึ้นรอบใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง
คำแนะนำปิดท้ายบทความนี้
Don’t be a hero และ
Timing is everything ครับ
…
Blog 95 : ‘Common Mistakes ในตลาดขาลง’
16 มีนาคม 2020