สรุปเนื้อหาจากสัมนา ‘Super Trader Tactics for Triple Digit Returns’ โดยไอดอลของผมสองคนคือ Mark Minervini และ David Ryan
*link youtube >> https://www.youtube.com/watch?v=SwxR6wcB12o )
####
– แนะนำตัว พี่มาร์กบอกว่ากำลังจะมีหนังสือเล่มใหม่ (Momentum Master วางขายแล้ว)
– เป้าหมายสำคัญของการเทรดในแต่ละปีคือ Big Return & Consistency (กำไรดีและต้องสม่ำเสมอด้วย)
เริ่มจาก 3 สิ่งที่ต้องคำนึงอยู่เสมอ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย
1. big when right : เวลาคิดถูกต้องมี position size ที่ใหญ่จนกำไรมีนัยยะ
2. consistent : ระบบต้องสามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ไม่ใช่กำไรขาดทุนขึ้นๆลงๆอยู่ที่เดิม (มั่ว)
3. avoid big drawdowns : ห้ามขาดทุนหนัก!
– ถึงจะได้กำไรมามากแค่ไหน แต่ถ้าสุดท้ายเจอ drawdowns เยอะเกินไป กำไรที่อุตส่าห์ทำมาก็จะไม่มีค่าอะไรเลย (กำไรหายหมด-พอร์ตกลับไปที่เดิม หลายคนน่าจะเคยเป็น)
– ในการที่จะได้ big return เราต้องทำสิ่งที่ไม่ปกติ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าทำ เป็นฝืนความรู้สึกตัวเองในหลายๆเรื่องเช่น ต้องกล้าตัดขาดทุน, ต้องกล้าปล่อยให้กำไรวิ่งต่อ, และต้องกล้าขายทำกำไรเมื่อหุ้นเริ่มพีกหรือน่าจะจบรอบ
– method >> discipline is key , concentrate
Rule #1 Concentrate – don’t diversify
– แนะนำให้ถือหุ้น 4-5 ตัวที่คัดมาเป็นอย่างดีแล้ว ถ้าพอร์ตใหญ่ก็ทยอยขยับจำนวนขึ้นไปได้ อย่าถือหุ้นเยอะเกินไป
– Keeps thing manageable – การมีหุ้นน้อยตัวทำให้เราสามารถบริหารพอร์ตได้คล่องตัวมากกว่า รวมถึงการติดตามข้อมูล การตัดสินใจซื้อ-ขาย จะเหนื่อยน้อยกว่าการถือหุ้นหลายสิบตัวด้วย
– Focus on the very best names! – ข้อนี้สำคัญครับ โฟกัสเงินของเราให้ไปอยู่ในหุ้นที่ดูดีที่สุดทั้งพื้นฐานและกราฟในเวลานั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยในแต่ละปี
– concentrate = make money rapidly – การโฟกัสทำให้ได้กำไรสูงขึ้น เพราะไม่ต้องเฉลี่ยผลตอบแทนพอร์ตไปในหุ้นหลายๆตัว
– make sure it’s the right time – ตรวจสอบภาวะตลาดเสมอ ดูให้ดีว่าช่วงนี้น่าจัดเต็มหรือควรเก็บไม้เก็บมือ เราไม่จำเป็นต้องมีหุ้นเต็มพอร์ต 100% ตลอดเวลา เพราะถ้าผิดจังหวะหรือตลาดเป็นขาลงรุนแรงพอร์ตจะเสียหายมากทันที
– การบริหาร position ; ส่วนตัว David Ryan จะเริ่มจากหุ้นประมาณ 5-10 ตัว เริ่มซื้อ 5-10% ของ port ค่อยๆ add เมื่อหุ้นทำ base ใหม่จนถึงระดับ 25-30% ของ port (max size)
– เริ่มให้น้อย start small แล้วค่อยๆเติม position จนถึง limit ของเราเอง
.
.
Rule #2 Turn over your portfolio ; ทำกำไรแล้วหาตัวที่ดีใหม่ ทบต้นไปเรื่อยๆทำแบบนี้ซ้ำๆทุกปี
– take profit, cut losses and move on
– learn from your loss ขาดทุนแต่ละครั้งให้ถือเป็นบทเรียน จดจำข้อผิดพลาดเอาไว้เสมอ
– เก็บกำไรเมื่อได้มาพอสมควร อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุนหรือกำไรหายหมด
– กล้าซื้อสูง เพื่อขายสูงกว่า หุ้นที่ดีจะสามารถทำ new high ใหม่ได้อยุ่เสมอ
– forget about your ego ในการเล่นหุ้นคุณต้องคิดผิดบ้างแน่นอน อย่าดื้อ อย่าอีโก้เยอะ ยอมรับผิดแล้วรีบตัดขาดทุนซะ!
ปัจจุบันการมีคอม มี internet ทำให้เทรดง่ายขึ้นส่งผลให้เราต้องปรับตัวมากขึ้น เช่น
– หุ้น breakout คนแห่เข้ากันหมด เราไม่ควรรีบตามไปไล่ซื้อ
– รอดูอาการหลังหุ้น breakout ย่อ shake-out เขย่าแรง ฯลฯ
– David Ryan จะไม่ทำอะไรในช่วงเพิ่งเปิดตลาด 45 นาที – 1 ชม แรก เพราะเป็นช่วงที่มี noise มากสุด ทางที่ดีคือรอช่วงใกล้ปิด
.
.
– เวลามีค่า อย่าให้เงินจมกับหุ้นที่ไม่ perform
– ใช้พื้นฐานคัดหุ้น ใช้กราฟช่วยเรื่องจังหวะเข้าออก
– เทรดเฉพาะหุ้นที่ setup ราคาได้ดี รอจนกว่าจะมีจริงๆ เช่น vcp setup, pull back, ppbp
– เมื่อเราเลือกเทรดเฉพาะตัวที่ดี เวลาถูกหุ้นจะไปได้เร็ว เวลาผิดก็ตัดขาดทุนขายออกเลย แล้วไปหาตัวใหม่ที่ดีกว่า
David Ryan เสริม – buy the right stock ถ้าเลือกหุ้นได้ดี ถึงตลาดไม่ดีก็อาจจะได้กำไรที่ดีได้ ดังนั้น stock picking ยังคงมีความสำคัญเสมอ
.
.
– ตั้ง stop ไว้เสมอ การตั้ง stop แล้วแต่แนวทางแต่ละคน 5%, 8%, ใช้ trendline ฯลฯ
– อย่าเสี่ยงเกินตัว (อย่าหาเรื่องให้ตัวเอง)
– คุมความเสี่ยงได้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
Build in ‘failure’
– ถูกน้อยครั้ง แต่กำไรในระยะยาว เพราะตัวที่ถูกจะให้กำไรเราเยอะ (ผิดบ่อยไม่เปนไร ตราบใดที่ขาดทุนน้อย)
– ตัดขาดทุนอย่างรวดเร็ว ปล่อยกำไรไหลไป ผิดทางตัดทิ้ง ถูกทางปล่อยให้ขึ้นไป
.
.
ก่อนเทรดทุกครั้ง คิดถึง Risk ก่อนเสมอ
– รู้ว่าจะตัดขาดทุนตรงไหน
– จดเอาไว้
– ทำตามแผนเมื่อหุ้นลงมาถึงจุด
– การไม่มี stop หรือ มี stop แต่ไม่ทำตามแผน คือข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดของนักลงทุนส่วนใหญ่
.
เตือนตัวเองทุกวัน No Big Loss , No forced trades ช่วงไหนไม่น่าเล่นก็ไม่ต้องเล่น ไม่มีใครบังคับเราได้
See information act on it like robot – no emotion ดูข้อมูลที่ตลาดบอกเรา แล้วทำไปตามนั้น ตามระบบของเรา ตัดเรื่องอารมณ์และ bias ออกไป
.
Rule #5 Trade directionally
– ทำตามแนวโน้มเสมอ อย่าฝืนตลาด อย่าฝืนเทรนด์ของหุ้น อย่าเป็นชาวสวน
– Long term Uptrend เวลาเลือกหุ้น ภาพใหญ่ควรจะเป็นขาขึ้นเสมอ
– Never average down
– Buy on pullback ซื้อตอนหุ้นย่อในกราฟระยะสั้น (แต่เป็น uptrend ในภาพใหญ่)
– ตรวจสอบทุก timeframe day week month จะได้เห็นภาพครอบคลุม
– รอจน momentum มา หุ้นพร้อมจะวิ่งจริงๆ
.
.
.
David Ryan เสริม – Don’t trust opinion , trust market & price volume – อย่าใส่ใจความเหนคนอื่่นหรือกูรู ใส่ใจไปที่ตลาดและหุ้นของเราก็พอว่าพวกมันทำตัวยังไงในแต่ละวัน
– ถ้าผิดทาง อย่าถัวขาลง ตัดขาดทุนตามจุด stop loss ไปก่อน แล้วรอจังหวะใหม่ทีหลัง เพราะไม่มีใครรู้ว่าหุ้นจะลงได้ลึกมากแค่ไหน
– The Best Stock always hard to buy, market will tell what best stock – ตลาดจะบอกเราเสมอว่าหุ้นตัวไหนน่าเล่น ตัวไหนไม่น่าเล่น
.
VCP pattern = การอ่าน Supply-Demand (อ่านเพิ่มเติมจากหนังสือของพี่มาร์ก)
VCP – Buy when volatility minimum
.
Aggressive when right, Trade Small when worst ถูกทางต้องเพิ่มขนาด ช่วงไหนเทรดได้ไม่ดีต้องหยุดพัก หรือลดขนาดลง
David Ryan – No reason to add when you’re note making money – ซื้อแล้วขาดทุนอย่าไปซื้อเพิ่ม
– ช่วงหลัง correction หลังตลาดปรับฐานเสร็จ คือช่วงเวลาที่ควรถือหุ้นเพื่อหวัง big gain
– ช่วงท้ายตลาดขาขึ้นหรือ late stage ควรเน้น lock gain อย่าหวังกำไรก้อนโตหลังจากที่หุ้นหลายตัวขึ้นมาเยอะมากแล้ว
– 50 day rule – เมื่อถือหุ้นจนเส้น ma 50 เลยต้นทุนแล้ว สามารถเปลี่ยนเส้นนี้มาใช้เป็นจุด stop หลักได้ – work fantastic in the beginning of new bull market (ได้ผลดีในช่วงเริ่มตลาดขาขึ้นรอบใหม่)
.
– พยายาม Sell on the way up – Sell into strength ขายเมื่อทุกอย่างดูดี(พีก) อย่าเพลิน อย่าเคลิ้ม
– อย่ากลัวเรื่องขายหมู ถ้าเราได้กำไรที่ดีพอสมควรแล้ว เป้าหมายคือทำกำไรจากหุ้น ถ้าเสียดายให้ทยอยแบ่งขาย 30% 50% 75% ของจำนวนหุ้นที่มี
– ขายทำกำไรแบบ 50/50 = win/win solution คือขาย 50% ของที่มี แล้วที่เหลือจะขึ้นหรือลงก็ได้เพราะเราทำกำไรไปแล้วครึ่งนึง
– ระวังเรื่องขายหมูหุ้นที่ดีมากๆหมด ถ้าขายไปแล้วแต่หุ้นยังคงทำ base สวยๆอยู่ ให้รอจังหวะเข้าใหม่ ไม่งั้นอาจจะหมูตัวใหญ่!
– ถ้าอยากทำกำไร ให้ทยอยแบ่งขาย แล้วถือที่เหลือเผื่อหุ้นยังขึ้นไปได้อีกไกล
– ส่วนตัว Mark Minervini จะเป็นสาย swing trade คือ ไม่ได้ถือยาวๆเพื่อกิน big gain แต่จะใช้การทบกำไรไปเรื่อยๆ บางครั้งหุ้นตัวเดิมแต่เทรดเข้า-ออกหลายรอบ เพราะเวลาหุ้นพักตัวเราบอกไม่ได้ว่าจะพักมากหรือน้อยแค่ไหน ถือไปอาจจะโดน shake-out แรงๆได้
.
Post-Analysis – วิเคราะห์ผลการเทรดของตัวเองเสมอ หาข้อผิดพลาด หาจุดอ่อน ปรับปรุงมัน ยอมรับความจริงว่าเราพลาดอะไรตรงไหนบ้าง
– ไม่ว่าจะใช้หลักการก็ตาม แต่ละคนก็จะมีจุดอ่อนของตัวเอง เป็นข้อผิดพลาดที่ชอบทำผิดซ้ำๆ ศึกษาจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเองแล้วพยายามปรับปรุงตัวให้ดี
– David Ryan – ชอบพลาดไปซื้อหุ้นที่ขึ้นมาไกลแล้ว หลังๆเลยเน้นหุ้นกำลังพักหรือทำ base สวยๆเป็นหลัก
– พวกเราต้องไปโรงเรียน 7-8 ปี เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ แต่คนส่วนใหญ่กลับหวังจะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นเพียงชั่วข้ามคืน
.
– Become a specialist – ศึกษาให้เชี่ยวชาญด้านใดด้านนึงไปเลย อย่าเปลี่ยนแนวทางไปมา
– กฏต่างๆจะไม่มีผลใดๆ ถ้าคุณไม่มีวินัยที่จะทำตามมัน
– ช่วง Market Correction คือช่วงเวลาที่เราจะเห็น Market Leader ได้ดีที่สุด หุ้นที่เด้งเร็ว , ทำ new high ก่อน, ราคาตกลงน้อยกว่าตัวอื่นๆ พวกนี้คือกลุ่มหุ้นที่ต้องจับตาดูเอาไว้ เมื่อตลาดเริ่มกลับมา หุ้น leader พวกนี้ก็จะพร้อมนำตลาดขึ้นไป
– David Ryan ปกติไม้แรกจะเริ่มซื้อ 5% ของ port วันต่อมาถ้าอาการดีอาจจะเพิ่มอีก 2.5-3% ค่อยๆเติมไปเรื่อยๆ ดูไปวันต่อวัน
– ช่วงหุ้นย่อดูว่า pullback แบบ low volume (ดี) หรือ high volume (ไม่ดี) , และควรระวังหุ้นที่พุ่งแรงๆช่วงตลาดไม่ดี เพราะมักจะ fail ง่าย
.
สิ่งที่ทำให้มือใหม่และคนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น
– ไม่มีกฏการลงทุนที่ชัดเจน
– มีกฏ แต่ไม่มีวินัยที่ตะทำตามมัน
– ดังนั้น ทางแก้ที่ชัดเจนก็คือ มีกฏการลงทุนของตัวเอง และต้องมีวินัยที่จะทำตามมันให้ได้!
.
Blog 70 : สรุปเนื้อหาสัมนา ‘Super Trader Tactics for Triple-Digit Returns’ โดย Mark Minervini และ David Ryan
www.sarut-homesite.net
27 กันยายน 2016
เป็น Blog สรุปที่งดงามมากครับ
ขอบคุณครับพี่
ขอบคุณผมอยากฝึกเรื่องภาษาด้วยครับตอนนี้เพิ่มซื้อของพี่มาร์คเปิดเทียบกับของพี่
ช่วยผมได้มากเลยครับ เเต่ผมก็ยังไม่ค่อยเก่งเรื่องภาษาเหมือนเด็กป.1 ขอบคุณมากครับ
ยินดีครับผม