บทวิเคราะห์หุ้นมีอยู่มากมาย ผมเองก็ชอบอ่านบทวิเคราะห์เป็นประจำ เพราะผมคิดว่า นักวิเคราะห์เค้าจะมีข้อมูลในมือมากกว่าเรา และเข้าถึงผู้บริหารบริษัทได้ดีกว่าเรา เช่น มีการจัด Analysis meeting หรือ Company Visit เป็นต้น ทำให้เราสามารถได้รับข้อมูลเพิ่มเติมนอกจากข่าวทั่วๆไป
ยิ่งในตอนที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง บทวิเคราะห์จะมีประโยชน์มากขึ้น เพราะทำให้เรารู้ว่าหุ้นตัวนี้ ณ ตอนนี้ มีประเด็นอะไรบ้างที่ต้องติดตาม พอได้มาคร่าวๆ เราก็ค่อยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเอาเองอีกทีครับ
แต่ก็ใช่ว่าบทวิเคราะห์จะมีแต่ข้อดีเท่านั้น ข้อเสียของมันก็มี เท่าที่ผมเห็นคือ ในส่วนของการประมาณการรายได้ กำไร , PE และราคาเป้าหมาย รวมไปถึงคำแนะนำ ซื้อ ขาย ถือ Strong Buy ซื้อเต็มที่ ฯลฯ
จุดนี้เป็นสิ่งที่คนอ่านบทวิเคราะห์ต้องระวังอยู่เสมอ เพราะบางทีคำแนะนำต่างๆ มักเป็นการมองอะไรที่สั้นๆ หรือบางทีก็มองในแง่ดีหรือร้ายเกินไป ประมาณว่าหุ้นตัวนี้มันจะดีสุดยอดแบบนี้ตลอดไป กำไรโต ให้ PE สูงๆ ทั้งๆที่มันอาจจะเป็น หุ้นรับเหมา , หุ้นวัฏจักร เป็นต้น
หรืออย่างเช่น หุ้นตัวนึง กิจการดี งบดี แนวโน้มกำไรโต อยู่ๆก็มีเรื่องหรือข่ายร้ายๆทำให้มันแย่ลงชั่วคราว สิ่งที่ตามมาคือ บทวิเคราะห์ที่ออกมาในช่วงนั้น จะเน้นไปที่เรื่องร้ายๆ และเขียนให้หุ้นตัวนั้นดูแย่กว่าที่ควรจะเป็น พร้อมคำแนะนำ “ขาย”
ทิ้งระยะไปซักพักเรื่องร้ายๆหายไป บริษัทก็กลับมาดีดังเดิม กิจการดี แนวโน้มกำไรเติบโต (บางทีอาจจะไม่ถึง 1 – 3 เดือนด้วยซ้ำไป) บทวิเคราะห์ก็จะปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ใหม่อีกครั้ง
อันนี้สะท้อนได้ว่า คำแนะนำ ซื้อ ขาย ถือ ส่วนมากมักจะมองอะไรสั้นๆเต็มที่ก็ 1 ปี แต่ส่วนมากจะอยู่่ในระยะ 3 – 6 เดือน ที่มองยาวๆ 1 ปี ขึ้นไปหาค่อนข้างยาก
ดังนั้น ก็อ่านเฉพาะข้อมูลกับข่าวดีกว่าครับ ส่วนประมาณการกับคำแนะนำ ให้ดูไว้เทียบกับที่เราประมาณการเองครับ
ผมขอสรุปวิธีการอ่านบทวิเคราะห์ของผมเองเอาไว้ครับ
– เวลาอ่านบทวิเคราะห์ให้เน้นไปที่ ข้อมูล , ข่าวสารที่เป็นจริง(เกิดขึ้นแล้ว) ถ้าพบว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจให้เซฟข้อมูลเก็บเอาไว้ และหุ้นตัวที่เราดูๆอยู่ เวลาอ่านบทวิเคราะห์ ให้อ่านจากโบรกฯหลายๆสำนัก เพราะแต่ละสำนักเขียนไม่เหมือนกัน บางครั้งก็เหมือนมองกันคนละมุมเลย ก็มาอ่านดูว่าเค้ามองกันอย่างไร และตัวเรามองอย่างไร ลองเปรียบเทียบกันดูเผื่อมีประเด็นอะไรที่เราไม่ได้นึกถึง
– ข้อมูลจากบทวิเคราะห์หุ้นรายตัว ถ้าได้มาจาก Analysis Meeting หรือ Company Visit ผมถือว่าดีมาก เพราะเป็นข้อมูลที่ตรงกับความจริงและอัพเดตครับ ผมชอบรวบรวมบทวิเคราะห์ประเภทนี้เอาไว้อ่านประกอบเวลาวิเคราะห์หุ้นครับ
– ข้อมูลที่คาดการณ์ ให้ดูเอาไว้ใช้เปรียบเทียบกับสิ่งที่เราคาดเอง ว่าต่างกันขนาดไหน มีประเด็นไหน เพราะอะไรที่ทำให้เราคาดการณ์เหมือนหรือต่างกับโบรกฯ พยายามคิดเองก่อนจะดีที่สุด(เน้น) เพราะเราจะได้มีเหตุผลที่เป็นของเราเองในการเลือกซื้อหุ้นต่างๆ ไม่ใช่ว่าซื้อตัวนี้เพราะนักวิเคราะห์เชียร์ อันนี้ผมเห็นหลายคนแล้วที่มักจะซื้อหุ้นตามนักวิเคราะห์ สุดท้ายก็ติดหุ้น กว่าได้ลงก็นานพอสมควร หรือบางครั้งโชคร้ายก็ติดหุ้นไปเป็นปีๆ
– EPS คาดการณ์จากบทวิเคราะห์ ส่วนมากมักไม่ค่อยตรง จะเริ่มใกล้เคียงมากสุดก็เมื่อประกาศงบ Q3 แล้ว (ก็มันเหลือ Q เดียว) ดังนั้น อย่าไปยึดติดตัวเลข EPS จากบทวิเคราะห์ครับ เดาเองดีกว่า (แต่ควรจะเดาแบบนี้ข้อมูลพอสมควรนะครับ บางท่านทำเป็น spread sheet excel ไว้เลย สุดยอดมากครับ) แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่บทวิเคราะห์ประมาณการรายได้ กำไร EPS ได้ค่อนข้างแม่นยำ แสดงว่านักวิเคราะห์น่าจะได้ข้อมูลที่ตรงมาพอสมควร
– EPS จากงบที่ออกมา หากโบรกฯคาดไว้ต่ำๆ และงบออกมาสูงกว่าที่โบรกฯคาด จะเป็นปัจจัยบวกที่ดีมากๆ เพราะเค้าก็จะปรับประมาณการใหม่ ในทางตรงข้ามหากโบรกฯคาดไว้สูงๆ แล้วงบออกมาต่ำกว่าที่คาด ก็จะเป็นปัจจัยลบ ซึ่งจุดนี้ เราต้องประเมินให้ดีว่าเราคาดไว้เท่าไหร่ สูงหรือต่ำกว่าที่เค้าคาดกันไว้ขนาดไหน และเพราะอะไรทำให้เราคาดไว้เช่นนั้น
– ค่า PE ที่โบรกฯให้ ผมคิดว่าพอดูประกอบได้ เพราะเราสามารถดูค่า PE จากบทวิเคราะห์หลายๆสำนักมาเทียบดูว่า แต่ละสำนักเขาให้ค่า PE ของหุ้นตัวนี้เท่าไหร่กันบ้าง จากนั้น เราก็เอามาดูและเทียบกับค่าที่เราให้ , เทียบกับค่า PE ในอดีตของหุ้น หรือ เทียบกับค่า PE เฉลี่ยในอดีต ดูว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ค่า PE ที่เราให้นั้น สูงกว่า, ต่ำกว่า หรือเท่ากัน กับค่าที่โบรกฯและตลาดให้ ซึ่งจะเป็นตัวประเมิน upside ของหุ้นที่ดี หากคุณใช้วิธีวัดมูลค่าหุ้นจาก P/E Ratio เพราะคุณต้องให้ค่า PE ที่เหมาะสมสำหรับหุ้นตัวนั้นๆ ไม่ต้องถึงกับตรงเป๊ะ แต่ก็ใกล้เคียงความเป็นจริงมากสุด
– บทวิเคราะห์รายอุตสาหกรรม มีประโยชน์ตรงที่ทำให้เรารู้ข้อมูลอัพเดตของแต่ละอุตสาหกรรม แบบครอบคลุม ทำให้เราติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มของหุ้นที่เราสนใจอยู่ได้ดียิ่งขึ้นครับ
ก็จะมีประมาณนี้นะครับ การเลือกอ่านบทวิเคราะห์ของผม
สรุปก็คือ เราสามารถใช้ประโยชน์จากบทวิเคราะห์ได้มากพอสมควร แต่ก็ควรระวังในส่วนของการคาดการณ์ ซึ่งถ้าให้ดี ควรจะทำประมาณการเอาเองก่อนจะดีที่สุด หาข้อมูล ข่าวสารเพิ่มเติมให้มากๆ เพื่อที่เราจะได้ตัดสินใจ ซื้อ ขาย หรือ ถือหุ้นได้อย่างมั่นใจมากขึ้นครับ
เขียนเองเหรอครับเนี่ย
เยี่ยมมากครับ
นานๆเขียนทีครับ 555+
i_sarut
ว่างไหมครับ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา