เคยได้ยินว่าตลาดหุ้นเป็นของ ‘คนใจเย็นแต่ใจกล้า’
แต่เป็นหลุมศพสำหรับ ‘คนใจร้อนแต่ขี้กลัว’ ครับ
ถึงเวลาที่ควรลงมือ ต้องลงมืออย่างเด็ดขาด
ไม่ใช่เวลาที่ควรลงมือ อย่ามุทะลุ
– ที่มา : พี่ bezos เวบ HOONTODAY –
.
โดยปกติในตลาดหุ้นหรือตลาดเก็งกำไร เราน่าจะหาคนที่ใจเย็นแต่ใจกล้า ยากกว่าคนใจร้อนแต่ขี้กลัว
ยิ่งในปัจจุบันที่ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด ก็ยิ่งทำให้คนใจร้อนกันมากขึ้น
การจะเป็น “คนใจเย็นแต่ใจกล้า” จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้โดยง่าย
เพราะตลาดนั้นขับเคลื่อนด้วยจิตวิทยาหมู่ – เล่นกับอารมณ์ของคนอยู่ทุกวัน
การที่เราจะกล้าคิดต่าง ใจเย็นและมีสติ ตอนที่คนอื่นกำลัง panic buy / sell ได้นั้น ก็ต้องผ่านการฝึกจิตใจ และมีประสบการณ์พอสมควร
เซียนหุ้นหลายคนที่เป็นคนส่วนน้อยในตลาด จึงมักจะเป็นคนใจเย็น + ใจกล้าเช่นกัน
หากลองยกตัวอย่างปัญหาทั่วไปของคนใจร้อนแต่ขี้กลัว ก็อย่างเช่น
– กลัวว่าจะตกรถทำให้ต้องรีบซื้อหุ้น ไล่ซื้อตามเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นไปเร็วๆ
– เวลาหุ้นขึ้นก็กลัว ไม่กล้า let profit run , พอหุ้นลงหน่อยก็กลัว รีบร้อนขายทิ้งไป
และทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น
การกลัวขาดทุนมากเกินไป ทำให้เราเสียโอกาส
การกลัวกำไรหาย อาจจะทำให้รีบขายหมู
ส่วนการกลัวตกรถ ก็มักจะทำให้ขาดทุนตามมาอย่างรวดเร็ว
หรือแม้แต่ความกลัวที่เกิดจากการรับข่าว-ข้อมูลต่างๆ ก็ทำให้หลายคนคิดกังวลอยู่ตลอดเวลา
ส่วนคนที่ใจเย็น + ใจกล้า ก็จะทำตรงข้ามกับคนใจร้อนแต่ขี้กลัว เช่น
– ตอนซื้อไม่รีบร้อน ไม่ไล่ราคา รอจุดซื้อที่เราได้เปรียบตามระบบ
– ตอนขายทำตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการ lock profit หรือ let profit run
– ไม่ค่อยสนใจข่าวสารที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับการเทรด / การลงทุนของตัวเอง
ประโยคนี้ผมเลยมองว่าน่าสนใจและควรนำไปคิดต่อ
ไม่ว่าเราจะเล่นหุ้นด้วยหลักการไหน พยายามฝึกตัวเองให้เป็น ‘คนใจเย็นแต่ใจกล้า’
อย่าเป็น ‘คนใจร้อนแต่ขี้กลัว’ ครับ
..
Blog 41 : ‘ใจเย็นแต่ใจกล้า’ vs ‘ใจร้อนแต่ขี้กลัว’
12 ธันวาคม 2013