.
สไลด์ที่เหมาะกับตลาดช่วงนี้ครับ ‘How to Spot Market Bottoms’ จากเวบ Investor Business Daily (IBD)
หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญของระบบ CANSLIM คือตัว ‘M’ หรือ Market Direction ซึ่งก็คือการตรวจสอบภาวะตลาดในช่วงเวลาต่างๆว่า ในช่วงนั้นเหมาะแก่การซื้อ ถือ ขาย และควรจะเพิ่มหรือลดพอร์ตอย่างไรบ้าง
โดยปกติแล้ว 3 ใน 4 ของหุ้นทั้งหมด จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับตลาด ดังนั้น ถ้าตลาดเป็นขาขึ้น หุ้นส่วนใหญ่ก็จะมีแนวโน้มที่ดี ในทางกลับกัน หากตลาดเริ่มปรับตัวเป็นขาลงหรือเกิดการปรับฐาน ราคาหุ้นส่วนใหญ่ก็มักจะปรับฐานลงมาเช่นกัน
สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อหุ้นในจุดที่ราคา ‘ถูกมาก’ จริงๆนั้น การตรวจสุขภาพตลาดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าหากเราซื้อผิดจังหวะ หรือไปซื้อช่วงก่อนตลาดจะปรับฐาน โอกาสขาดทุนในระดับ 20-50% จะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่ได้อยู่ในจุดที่ถูกและปลอดภัยจริงๆ
(อาจจะเป็นราคาที่ถูกของเรา แต่ก็ยังแพงสำหรับคนอื่น หรือถูกแล้วก็มีถูกกว่าได้ เหมือนในช่วงที่ผ่านมา)
หลักการสังเกตเบื้องต้นเพื่อดูว่า ตลาดน่าจะมีลุ้นกลับตัวเป็น new uptrend หรืออาจจะเป็นรอบเด้งให้เราพอเทรดกันได้บ้าง
Ignore the News, Follow the Market!
1. อาการของหุ้นใน watch list และกลุ่มนำตลาด ; โดยก่อนอื่นเราจะต้องคัด watch list หุ้นให้ดีก่อนนะครับ
สิ่งที่สำคัญคือ พยายามอัพเดต watch list ให้ sync กับกลุ่มหุ้นนำตลาดอยู่เป็นประจำ อย่าไปสนใจหุ้นที่ไม่ perform , หุ้นที่กราฟเริ่มเป็นขาลง เพราะส่วนใหญ่จะเสียเวลาเปล่าครับ
ปกติแล้วตลาดจะชอบหุ้น Growth แบบมีคุณภาพมากกว่าหุ้นถูกๆแต่กำไรไม่โต นั่นคือ “กลุ่มหุ้นที่รายได้โต กำไรโต อัตรากำไรดีขึ้น และแนวโน้มธุรกิจยังไปได้ดี”
โดยหุ้นกลุ่มนี้มักจะเป็นหุ้นนำตลาดใน market rally รอบใหม่หลังจากที่ตลาดปรับฐานเสร็จ
2. วอลุ่มตลาด และการเกิด Follow Through Day (FTD)
โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดทำ new low หรือหลุดแนวรับหลักที่คนส่วนใหญ่มองกัน ถ้าตลาดเริ่มเด้งแรงๆมีวอลุ่ม ก็อาจจะมีลุ้นได้ครับ
3. Sentiment โดยรวม ;
ถ้าในเวลาที่คนเริ่มกลัว-ล้างพอร์ตกันไปเยอะ, คนเริ่มไม่สนใจตลาดหุ้นกันแล้ว แต่หุ้นหลายตัวใน list ของเราทยอยขึ้นแบบมี Volume เข้า หรือเริ่มทำ pattern ที่น่าสนใจ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญที่เราต้องจับตาดูเอาไว้ เพราะหุ้นมักจะชอบกลับมาขึ้นในเวลาที่คนส่วนใหญ่ไม่คาดคิดครับ
ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง ถ้าเรามีหลักการสังเกตตลาดและกลุ่มหุ้นแข็งหุ้นนำตลาด ก็จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจเทรดได้ง่ายขึ้น โดยที่ไม่ต้องวิตกกังวลกับข่าวสารหรือความเห็นของคนอื่นๆมากจนเกินไป
พยายามให้น้ำหนักกับอาการของหุ้นรายตัวใน watch list ที่เราคัดไว้เป็นหลัก เพราะมันจะช่วยบอกเราได้ว่าเวลาไหนที่ควรซื้อ ควรขาย หรือควรอยู่เฉยๆไปก่อน
หมั่นฝึกฝนและสังเกตไปเรื่อยๆ แนวทางนี้จะทำให้เราไม่ติดดอย และไม่ตกรถแน่นอนครับ…
.
No bull market has started without a Follow Through Day.”
ในสไลด์จะมีคำว่า Follow Through Day เยอะพอสมควร ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าคืออะไร เลยขออธิบายเพิ่มเติมครับ
Follow Through Day (ตัวย่อ FTD) ยังไม่มีความหมายภาษาไทยที่ชัดเจน ผมตีความว่ามันคือ ‘วันที่ตลาดเริ่มยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้น’ หลังจากที่ตลาดได้ทำ New Low ใหม่ หรือหลังปรับฐานมานานแล้ว
โดย FTD จะเป็นวันที่ตลาดบวกมากกว่า 1.2 – 2% และมี Volume มากกว่าวันก่อน
จริงๆแล้ว FTD อธิบายค่อนข้างยาก คิดว่าต้องลองดูภาพประกอบ + ตัวอย่างในสไลด์ และหาอ่านเพิ่มเติมจากหนังสือของโอนีล น่าจะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้นครับ
อย่าลืมว่าตลาดหุ้นไม่ใช่ Casino ที่เราจำเป็นต้องเล่นทุกครั้งที่มีการแจกไพ่ หรือต้องยอมเล่นในเกมที่เราเสียเปรียบ
ควรรอให้เกิด FTD หรือเริ่มเห็นหุ้นใน watch list setup สวยๆกันก่อน เพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นว่าตลาดน่าจะทำ bottom และมีโอกาสสูงที่ new uptrend กำลังจะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
(คลิกที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่ , Slide อยู่ด้านล่างสุดของบทความ)
####
Slide (กดมุมขวาล่าง เพื่อดูเต็มจอ)
…
Blog 34 : How to Spot Market Bottoms [สไลด์]
www.sarut-homesite.net
17 มิ.ย. 2013
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ
ขอบคุณสำหรับไอเดีย FTD ค้าบ ^^