Blog 119 : ‘หุ้นกลุ่มไหนน่าสนใจ หลังตลาดลงมานาน?’

Ivan Hoff เคยเขียนเรื่อง ‘best-performing stocks’ ไว้ใน blog เมื่อปี 2016

เป็นคำแนะนำที่ผมคิดว่าค่อนข้าง timeless และเอามาใช้ได้ทุกครั้ง เวลาที่ภาพใหญ่ตลาดเริ่มกลับตัว – หลังปรับฐานแรงครับ

.

What are the best-performing stocks after a deep market correction?

1. Growth stocks that held the best during the correction.

Growth stocks are usually high-beta names that get hit pretty hard in times of market panic.

If any of them manage to hold above their 50-day moving average, build a new base or even attempt to make a new 52-week high during the correction,

they will likely outperform significantly during any bounce attempt.

.

2. The ones that sold off the most during the correction.

Many of them are priced for bankruptcy.

The moment the market realizes that it is not likely to happen, we could see some extreme moves in those stocks.

.

โดยทั่วไปสายเทรดมักจะเน้นดูเฉพาะหุ้นแข็งแกร่งกลุ่มที่ 1
.
และเป็นแนวคิดที่คนนิยมใช้กันเยอะในปัจจุบัน (หุ้นนำตลาด , high RS)
.
สำหรับผมที่เริ่มเล่นจากสาย VI แล้วมาสายผสม ก็จะมองว่าหุ้น 2 กลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนดีไม่แพ้กัน
.
โดยเฉพาะตลาดไทย ที่หลายครั้งหุ้นกลุ่ม 2 อาจจะให้ผลตอบแทนดีกว่า
.
หรือราคาดูขึ้นง่ายกว่าหุ้นกลุ่ม 1 ด้วย
.
.
เหตุผลนึงก็คือเกมการเล่นของไทย มักจะไม่ใช่รอบใหญ่แบบที่หุ้นขึ้นได้หลายปี
.
หรือราคาวิ่งขึ้นหลาย base แบบเมกา
.
แต่ธรรมชาติตลาดไทยคือ ตลาดเล่นรอบ-เก็งกำไร ตามงบที่ดูดีในระยะเวลานึง
.
หุ้นเล่นกัน 1-2 ไตรมาส , ถ้าตัวเทพหน่อยก็อาจได้ถึง 1-2 ปี ถึงเริ่มพักปรับฐานลงมาแรง
.
.
อีกปัจจัยก็คือ big player กลุ่มใหญ่ที่มีข้อมูลและ power (มีเงิน) นอกจากกองทุนรวม
.
ก็มักจะมาจากสายพื้นฐาน ที่เน้นขุดหุ้นรายตัวจากโซนล่างเป็นหลัก (turnaround , growth with value)
.
ต่างกับเมืองนอกที่ big player คือ hedge fund , quant fund , กองทุนระดับโลก
.
ที่จะเทรดตาม macro theme , sector momentum เป็นหลัก (เน้นภาพใหญ่มากกว่า)
.
ทำให้หุ้นไทยที่ขึ้นมาเยอะโดยเฉพาะตัวกลาง-เล็ก พอถึงจุดนึงก็มักจะค่อยๆถูกกลุ่ม big player รินขายออกไป
.
หลังจากนั้นเงินก็จะวนกลับไปหาหุ้นโซนล่าง ที่พื้นฐาน turnaround งบเริ่มฟื้น หรือกลุ่ม IPO ใหม่
.
หุ้นที่เริ่มมี growth story ทำให้ risk / reward , valuation ดูคุ้มค่ากว่าในมุมของนักลงทุนกลุ่มนี้
.
.
ในเชิงกราฟก็จะเป็นกลุ่มหุ้นที่เริ่มแสดงอาการ bottom-out ออกจาก stage 1 เริ่มเข้า stage 2 พร้อม volume
.
ราคากลับมายืนเหนือเส้น MA 200 และไม่ลงไปใหม่
.
พร้อมกับปัจจัยพื้นฐาน หรือมี new story ที่ค่อยๆดีขึ้นล้อตามไปด้วยกัน
.
.
หลายคนพออ่านคำแนะนำหุ้นกลุ่ม 2 มักจะกลัว overhead supply มากเกินไป
.
เพราะตำราหุ้นเมกาหลายเล่มมักจะเขียนเตือนไว้คล้ายกันหมด
.
แต่ถ้าเรามองหุ้นไทยตามความเป็นจริงนั้น พอคนที่มีหุ้นเยอะๆ (big seller) ทยอยขายหุ้นลงมาจนแรงขายเริ่มหมด
.
ราคาหุ้นซึมลงสะท้อนพื้นฐานมาเป็นเวลา 2-3 ปี (neglect stage)
.
คนที่ยังถืออยู่มักจะเป็นกลุ่มที่ไม่สนอะไรแล้วกับหุ้นตัวนั้น
.
บางคนก็เจ็บจนไม่ active เรื่องหุ้นแล้ว (ปิดจอ เลิกเล่นหุ้น ฯลฯ)
.
ส่วนคนที่เป็น active trader , เซียน VI อย่างเข้มข้นจริงจัง ก็มักจะทำตามกฏของตัวเอง
.
โดยเฉพาะเรื่องการตัดขาดทุน , การยอมรับว่าคิดผิด และลงมือแก้ไขมัน
.
ทำให้คนที่ active ส่วนใหญ่จะทยอยขายหุ้นพวกนี้กันไปเกือบหมด (และขายไปนานแล้ว)
.
.
ส่วนหุ้นที่ขึ้นมาไกลและแข็งมานาน ราคามักจะสะท้อนข้อมูลและข่าวที่ดีไปพอสมควร
.
ถ้าไม่มีอะไรใหม่ ก็จะทำให้ upside เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ จนไม่ดึงดูด player สายลงทุน
.
และเหลือพื้นที่ให้สายเทรดเล่นกันได้อีกไม่มากนัก
.
.
ในตลาดไทยจึงกลายเป็นว่า หุ้นแข็งแกร่งกราฟสวยที่อยู่ด้านบน
.
มักจะเจออาการตื้อๆตันๆ บ่อยกว่าหุ้นที่ค่อยๆวิ่งกลับขึ้นมาจากโซนล่าง
.
มันก็คือ overhead supply จาก trader จำนวนมาก ที่เพิ่งซื้อแล้วรอเก็บ R ระยะสั้น เหมือนกันหมด
.
take profit order 2R 3R คอยอยู่ด้านบนคล้ายๆกัน
.
stop order ด้านล่างก็อยู่บริเวณ % ใกล้เคียงกัน
.
และทำให้เราเห็นภาพ late-stage fail หรืออาการยึกยักๆด้านบนอยู่เป็นประจำ
.
.
ในขณะที่หุ้นกลุ่ม mean reversion รวมถึงกลุ่ม new IPO ที่ยังสดใหม่อยู่นั้น
.
คนส่วนใหญ่จะยังไม่ทันรู้จักหรือสังเกตเห็น
.
หลายคนก็ลืมไปแล้วว่าเคยมีหุ้นชื่อนี้อยู่ด้วย
.
และการที่ active buyer จะยังมีจำนวนน้อยอยู่ในช่วงแรก
.
(คนน้อยแต่เงินเยอะ เริ่มกลับเข้ามาสะสมหุ้น)
.
ทำให้ในช่วงแรกที่เริ่มกลับตัว หุ้นกลุ่มนี้จะได้เปรียบในแง่ของความเบา ดูขึ้นได้เร็วแรงกว่า
.
ในระยะเวลาเท่ากัน หุ้นที่เบากว่ามักจะขึ้นได้ 30-50% ก่อนจะเริ่มพักตัวรอบใหม่
.
บางก็ตัวอาจขึ้นได้ถึง 80-100% ถึงเริ่มพักแรง
.
ส่วนกลุ่มที่ดูหนักหรือคนเทรดกันเยอะๆ พอขึ้นมาได้ 10-20% ก็จะเริ่มเจอแรงขายทำกำไร กดหุ้นย่อลงไปใหม่อย่างรวดเร็ว
.
.
สำหรับคนที่เทรดมานาน ให้ลองกลับไปนึกถึงหุ้นเทพปีที่ตลาดกลับมา bull หลังผ่านช่วงที่ลงแรงหรือซึมนาน
.
ส่วนใหญ่จะพบว่า หุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีมักจะเป็นกลุ่ม turnaround จากด้านล่างสไตล์ไทย และกลุ่ม IPO ที่ยังสดใหม่อยู่
.
หุ้นที่สูงแล้วยังสูงต่อไปได้อีกยาวๆแบบเมกา จะมีจำนวนไม่มากนักในตลาดไทย
.
.
ส่วนคนที่เพิ่งเข้าตลาดมาไม่นาน ผมแนะนำให้ลองเปิดกราฟหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีในช่วงนั้น
.
ปี 2009 หลัง 2008 , ปี 2012 หลังน้ำท่วมใหญ่ , ปี 2014 หลัง correction ปี 2013
.
จะทำให้เห็นภาพจากของจริงมากขึ้นว่า ทำไมหุ้นกลุ่ม 2 ที่เริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น
.
ถึงน่าสนใจไม่แพ้หุ้นแข็งแกร่งกลุ่มที่ 1
.
และถ้าเราสามารถคัดหุ้นเล่นได้ทั้ง 2 แบบ ก็จะเป็นการเพิ่ม universe หุ้น
.
ช่วยเปิดมุมมอง และเพิ่มโอกาสใหม่ๆให้ตัวเราเองได้อีกด้วยครับ

.

Author: admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.