คุณว่า 'ความสามารถในการเลือกหุ้นให้ถูกตัว' มีความสำคัญมากแค่ไหนต่อผลงานการลงทุน?
หลายคนจะเชื่อว่าสำคัญที่สุดเลยทีเดียว เวลาที่เราคิดอย่างนี้ เราจะไม่กล้าเลือกหุ้นด้วยตัวเอง
เพราะเรามีความรู้สึกว่าเราเลือกหุ้นไม่เก่ง ผิดบ่อย เราจะเริ่มหาที่พึ่งพิงภายนอก
เราจะมองหาใครสักคนที่มีอะไรสักอย่างที่ทำให้เราเชื่อว่าคนๆนี้น่าจะเป็นที่พึ่งของเราเรื่องการเลือกหุ้นได้
จากนั้นเราก็จะเริ่ม shutdown สมองของเราเอง แล้วหันไปซื้อตาม "กูรูหุ้น" แทน
เวลาคุณเล่นหมากรุกกับแชมป์โลก โอกาสที่คุณจะชนะแชมป์โลกนั้นแทบจะไม่มีเลย
แต่สำหรับการลงทุนแล้ว ต่อให้คนที่เชี่ยวที่สุดก็ยังทำผลงานได้ไม่ดีนัก
กูรูหุ้นระดับตำนานเลือกหุ้นถูกต้องได้เพียง 60-65% เท่านั้น
เพราะการวิเคราะห์การลงทุนเป็นศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนมาเกี่ยวข้องสูงมาก
ในเวลาเดียวกัน คนธรรมดาทั่วไปจะเลือกหุ้นได้ถูกต้องในระดับ 45-55%
การเลือกหุ้นเป็นศาสตร์ที่คนเก่งที่สุดกับคนที่แย่ที่สุดไม่ได้ต่างกันอย่างชัดเจน
คนที่คิดว่า การเล่นหุ้นคือการซื้อหุ้นเด็ดทีละตัวด้วยเงินทั้งหมดที่มีอยู่..
.เมื่อหุ้นวิ่งก็ขายทำกำไรออกมาแล้วเอาเงินทั้งหมดไปซื้อหุ้นเด็ดตัวที่สองอีก.
..ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆก็จะเป็นเศรษฐีได้อย่างรวดเร็ว มักจะรู้สึกว่าการเลือกหุ้นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
..เพราะการเล่นหุ้นอย่างนั้น ถ้าเลือกหุ้นผิดแค่หนเดียว ก็หมดตัวเลย
แต่สำหรับคนที่ลงทุนแบบเป็นการลงทุนจริงๆ
ไม่ใช่การวัดดวงเพื่อให้กลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืนนั้น
มีอะไรที่สำคัญมากกว่าการเลือกหุ้นมาก
เราจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการขาดทุนหนักๆ ในระยะยาวให้ได้
ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยพบใครที่เลือกหุ้นได้ถูกต้องตลอดเวลาเลย
(ยกเว้นคนที่ชอบคุยทีหลังว่าทายถูก)
ต่อให้เรามองได้เก่งแค่ไหน ก็มักจะมีอะไรที่ไม่คาดฝันเข้ามาอยู่เสมอ
วอเรน บัฟเฟต เพิ่งจะพลาด เพราะประเมินวิกฤตสถาบันการเงินต่ำไป
ช่วงแรกๆเขาบอกว่า ตลาด "คิดไปเอง" ว่าสถาบันการเงินจะมีปัญหารุนแรง
แต่ตอนนี้เขาก็ออกมายอมรับแล้วว่าวิกฤตครั้งนี้จะรุนแรงมาก
จิม โรเจอร์ ก็พลาดหนักเพราะบอกว่าคอมโมดิตี้จะยังไปได้อีกสิบเท่า
ส่วน จอร์จ โซรอส แม้ว่าจะทายถูกว่าปัญหาซับไพร์มทำจะทำให้เกิด Global Recession
..แต่เขาขาดทุนหนักจากการเข้าไปเก็งว่าดอลล่าร์จะอ่อนลงเรื่อยๆ
จะเห็นได้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนมากๆ ไม่ได้เป็นคนที่คิดถูกตลอดเวลา
ที่จริงแล้วมีอะไรบางอย่างที่มีผลต่อความสำเร็จมากกว่าการเลือกหุ้นมาก
ตัวอย่างเช่น คนที่เลือกหุ้นถูกแค่ 4 ใน 10 ครั้ง
..อาจจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าคนที่เลือกหุ้นถูก 6 ใน 10 ครั้งก็ได้ เพราะถ้าคนที่เลือกหุ้นถูก 4 ใน 10 ครั้ง เลือกจัดสรรเงินส่วนใหญ่ของเขาไว้ในตัวที่เขาเลือกได้ถูก
เขาจะขาดทุนน้อยกับตัวที่เขาคิดผิด
ในขณะที่ คนที่เลือกหุ้นถูก 6 ใน 10 ครั้ง แต่มีนิสัยชอบซื้อเฉลี่ยขาลง
..เลยทำให้เงินส่วนใหญ่ของเขาจมอยู่ในหุ้น 4 ตัวที่เลือกผิด เพราะราคาหุ้นเหล่านั้นร่วงลงไปเรื่อยๆ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า นิสัยในการลงทุนก็มีอิทธิพลต่อผลตอบแทนของเรามาก
ที่สำคัญ "นิสัยการลงทุน" เป็นเรื่องที่ฝึกฝนได้และมีความแน่นอนมากกว่า
คนที่มีนิสัยการลงทุนที่ดี จะเอาตัวรอดจากการขาดทุนใหญ่ๆได้ทุกครั้ง ต่างกับคนที่มีนิสัยการลงทุนที่ไม่ดี
(ตัวอย่างนิสัยการลงทุนที่ไม่ดีก็เช่น chasing stock price, ชอบซื้อเฉลี่ยขาลง,
ทุ่มสุดตัวกับหุ้นตัวเดียว, ขายหมูเร็วบ่อยๆ เป็นต้น)
คนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนส่วนใหญ่
มักเป็นคนที่มีนิสัยการลงทุนที่ดี มากกว่าที่จะเป็นคนเลือกหุ้นได้ถูกต้อง
พวกเขาเหล่านี้ค่อยๆบ่มเพาะนิสัยการลงทุนที่ดีของตัวเองขึ้นมาด้วยประสบการณ์
และการนำข้อผิดพลาดในอดีตของตัวเองมาปรับปรุงนิสัยอยู่เสมอ
ถ้าเราเชื่อว่า Stock Selection is Everything เราก็จะเลิกนิสัยวิ่งตามเซียนของเราไม่ได้
ผมเคยเห็นคนมากมายที่อุทิศชีวิตให้กับการสืบว่าเซียนซื้อหุ้นอะไรอยู่
พวกเขาใช้ความพยายามสูงมาก แต่ผมก็ยังไม่เคยเห็นคนเหล่านั้นประสบความสำเร็จเลย
พวกเขาอาจได้กำไรในบางครั้ง แต่รวมๆแล้วมักไม่ประสบความสำเร็จ
ทั้งๆที่เขาซื้อหุ้นตัวเดียวกันกับเซียนทุกตัว
ผมสังเกตว่าคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนมีแนวคิดที่ต่างกันหลายแบบ
แต่ "ทุกคน" กลับมีลักษณะที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง
พวกเขาชอบเลือกหุ้นด้วยตัวเองไม่ลอกเลียนแบบใครทั้งนั้น
ส่วนใหญ่พวกเขาก็เลือกหุ้นผิดบ้างถูกบ้างเหมือนๆกับเรานั่นแหละ
แต่ "นิสัยการลงทุน" ของเขาต่างหากที่ดีกว่าเราพวกเขาจึงประสบความสำเร็จ
ผมชอบคำพูดของ Ken Heebner ที่บอกว่า "ผมไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะคิดถูกบ่อยกว่าคนอื่น..
แต่จุดแข็งของผมอยู่ที่ ผมสามารถยอมรับความผิดพลาดของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
และไม่เคยถลำลึกลงไปในความผิดนั้น"
...ไม่มีใครที่เลือกหุ้นได้ถูกตลอดเวลา เขาประสบความสำเร็จโดยอาศัยการมีนิสัยการลงทุนที่ดี
ถ้าคุณพยายามเลือกหุ้นเองให้ดีที่สุด และลงทุนในหุ้นหลายตัว
ผมรับรองว่า ความไม่แน่นอนของหุ้น จะช่วยทำให้ผลงานการเลือกหุ้นของคุณ..
.ไม่แตกต่างไปจากของกูรูหุ้นมากนักแน่นอนครับ เลือกหุ้นเองดีกว่าครับ
สิ่งที่สำคัญมากกว่าการเลือกหุ้นคือ นิสัยการลงทุนของตัวคุณเอง
Stock Selection is not Everything.
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
4 February 2009