ถ้าได้อ่านหนังสือการลงทุนทั่วไปๆ หนังสือพิมพ์ หรือฟังสื่อต่างๆ เรามักจะได้ยินคำพูดหรือข้อเขียนจำนวนมากพูดถึงความได้เปรียบของนักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทกองทุนทั้งหลายก็เน้นในเรื่องความได้เปรียบของการลงทุนแบบกองทุน เช่น กองทุนนั้นบริหารแบบมีอาชีพ คือมีผู้บริหารกองทุนเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการลงทุนกองทุนนั้นมีข้อมูลที่มากกว่า เพราะมีการติดตามข้อมูลข่าวสารของหุ้นเป็นจำนวนมาก และมีนักวิเคราะห์หลายสำนักทำบทวิเคราะห์ออกมาให้ การเป็นรายใหญ่นั้นทำให้การเข้าถึงผู้บริหารนั้นทำได้ง่ายกว่ารายย่อยมาก หรือจะเป็นเรื่องของการกระจายความเสี่ยงที่ทำได้มากกว่าเพราะมีเงินมากกว่า ฯลฯ
นักลงทุนรายใหญ่ในที่นี้ ผมจะประมาณคร่าวๆว่าเป็นนักลงทุนที่มีเงินลงทุนตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นกองทุนต่างๆ หรืออาจจะมีนักลงทุนบางคนที่สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น … ข้อดีของการเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่ได้บอกไปข้างบนนั้น ผมก็ยอมรับว่ามันเป็นข้อได้เปรียบของเค้าจริงๆ
แต่ก็ยังสงสัยว่า ไม่ค่อยจะมีใครพูดถึงข้อได้เปรียบของรายย่อยซักเท่าไหร่ เพราะจริงๆแล้วผมกลับมองในทางตรงข้ามกันว่า การเป็นรายย่อยเองถึงจะเสียเปรียบรายใหญ่อยู่หลายอย่าง แต่ถ้ามาคำนึงถึงข้อดีของรายย่อยแล้ว ผมว่ารายย่อยนี่กลับได้เปรียบรายใหญ่อยู่มากพอดูเหมือนกัน .. เพราะฉะนั้น คนที่ชอบคิดว่าเรามีเงินน้อยๆ จะไปลงทุนให้ได้ดีนั้นเป็นไปได้ยาก อยากขอให้ปรับความคิดเสียใหญ่หลังจากได้อ่านบทความนี้
ข้อได้เปรียบของรายย่อย
ข้อดีที่เด่นที่สุดของรายย่อยคือ โอกาสในการลงทุนนั้นมีมากกว่ารายใหญ่มาก ฟังแล้วอาจจะดูแปลกๆ รายย่อย(ที่เล็กหน่อย)นั้น บางทีอาจจะลงทุนให้หุ้นที่มีราคาแพงมากๆไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เช่นหุ้น ptt pttep scc เพราะจะซื้อหุ้นทีนึงก็ต้องซื้อไม่ต่ำกว่า 100 หุ้น ถ้าหุ้นราคา 100 บาท ก็ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าหมื่น ในการจะซื้อหุ้นพวกนี้ได้ แต่ข้อจำกัดส่วนนี้ก็ไม่ได้มากมายอะไร เพราะคนที่เอาเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น ผมว่า 10,000 บาทไม่น่าจะใช่ปัญหาอะไรเท่าไหร่
แต่สำหรับนักลงทุนรายใหญ่นั้นมีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถลงทุนในหุ้นตัวเล็กและหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำได้ เพราะเงินขนาด 100 ล้านขึ้นไปนั้น จะซื้อหุ้นที่มีมูลค่าตลาดซัก 200 ล้านนั้น ก็ต้องซื้อหุ้นไปถึง 50% ของบริษัทแล้ว การใช้เงินจำนวนมากๆ มาซื้อหุ้นตัวเล็กๆหรือหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำๆนั้น ค่อนข้างยากมากที่จะทำให้ได้จำนวนที่ต้องการ เพราะมีหุ้นให้ซื้อไม่เยอะ ดังนั้น กองทุนก็มักจะซื้อแต่เฉพาะหุ้นขนาดตั้งแต่กลางถึงใหญ่ บางกองทุนที่มีเงินลงทุนสูงมากๆ ก็ลงทุนได้เพียงแค่หุ้นที่อยู่ใน Set50 ซึ่งมีหุ้นให้เลือกเพียง 50 ตัวเท่านั้น ในขณะที่รายย่อยนั้นมีหุ้นให้เลือกลงทุนได้ทั้งตลาด 400 กว่าตัว โดยไม่มีข้อจำกัด
รายใหญ่บอกอีกว่า การลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ของเค้านั้นมีข้อดีคือหาข้อมูลได้ง่าย มีนักวิเคราะห์เขียนถึงหุ้นตัวนี้เยอะแยะ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลของเค้านั้นได้เปรียบ แต่ผมกลับมองว่าการที่มีคนติดตามหุ้นตัวนี้มากๆ กลับเป็นข้อเสียซะอีก เพราะหุ้นที่มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก โอกาสที่เราจะซื้อหุ้นในราคาถูกนั้นหายากเอามากๆ โอกาสทำกำไรก็ลดลงไปมากเช่นกัน เทียบกับหุ้นตัวเล็กๆไม่ได้ แม้ข้อมูลจะหายากแต่พอไม่มีคนมาสนใจซักเท่าไหร่ โอกาสในการซื้อหุ้นราคาถูกก็มีมาก กำไรก็เยอะมากเช่นกัน
แม้กองทุนจะบอกว่า การบริหารของเค้ามีมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญกว่า แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างนั้น เพราะผมเชื่อว่าการลงทุนนั้นไม่ได้จำเป็นที่จะต้องมี IQ ที่สูงมากอะไรนัก สำหรับรายย่อยที่ยอมเสียเวลาในการศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุน และความรู้ด้านธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ได้ลงทุนด้อยกว่ามืออาชีพในกองทุนสักเท่าไหร่นัก
เรื่องของการกระจายความเสี่ยง ซึ่งเป็นข้อดีของการมีเงินเยอะๆ ผมก็มองสวนทางอีกเช่นกัน เพราะผมเชื่อว่าการที่จะลงทุนให้เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไปได้ จำเป็นจะต้องลงทุนแบบ Focus คือไม่ถือหุ้นมากตัวจนเกินไป
การมีหุ้นซัก 10 ตัว ผมว่าก็นับได้ว่ากระจายความเสี่ยงได้ดีพอสมควรแล้ว กองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงมากๆ ก็จะซื้อหุ้นตัวใหญ่ๆเกือบทุกตัวใหญ่ตลาด ยิ่งรายใหญ่ซื้อหุ้นจำนวนตัวมากเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วผลตอบแทนก็แทบจะไม่แตกต่างจากค่าเฉลี่ยของตลาด ซึ่งผลก็เห็นได้ว่า โดยทั่วไปแล้ว ผลงานของกองทุนในระยะยาวแล้ว ก็ไม่ได้แตกต่างจากผลตอบแทนของตลาดหุ้นซักเท่าไหร่ (แต่กองทุนจะโดนหักค่าบริหาร ทำให้โดยเฉลี่ยผลตอบแทนมักจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย)
จริงๆแล้วข้อได้เปรียบของรายย่อยที่ชัดเจนมากที่สุดคือ โอกาสในการซื้อหุ้นตัวเล็ก เพราะการลงทุนที่ผ่านมาของผมนั้นเกือบ 100% เป็นหุ้นขนาดเล็กแทบทั้งนั้น การที่จะเห็นข้อได้เปรียบของรายย่อยให้ชัดเจนขึ้นเราต้องเข้าใจต่ออีกว่า หุ้นขนาดเล็กนั้นดียังไง (ผมเริ่มเห็นความสำคัญของหุ้นตัวเล็กมากขึ้น ตั้งแต่ port ของผมเริ่มใหญ่ขึ้น มีหุ้นบางตัวที่ผมชอบเอามากๆ ราคาถูกคุณภาพ อยากซื้อสุดๆ แต่ซื้อได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น เพราะไม่ค่อยมีหุ้นให้ซื้อเท่าไหร่ ถ้าจะซื้อให้ได้ตามที่ต้องการคงต้องเคาะหุ้นไล่ไปมากแน่ๆ)
ข้อได้เปรียบของรายย่อย
Yoyo’s Value Investing Way
สันติ สิงหวังชา
28 JANUARY 2007