3 กองทุนนี้ผมคิดว่า เหมาะสำหรับช่วงตลาดขาลง แบบปีที่แล้ว (2551)
และน่าจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นรายตัวด้วยครับ
TDEX นี่รู้สึกจะตกลงไปเหลือประมาณ 2.8 บาทมั้งครับ ตอนนี้ประมาณ 5 บาทแล้ว
รายละเอียดกองทุน TDEX ดูได้ที่นี่ครับ : http://www.one-asset.com/ThailandMutualFund/Detail_t.asp?ID=010070
หุ้นที่ลงทุน : http://www.one-asset.com/ThailandMutualFund/ETF/IIV_t.asp
ราคา NAV ล่าสุด : http://www.set.or.th/set/historicaltrading.do?symbol=TDEX&language=th&country=TH
มีอีกกองทุนที่น่าสนใจคือ TFTSE ครับ : http://www.one-asset.com/ThailandMutualFund/Detail_t.asp?ID=010084
หุ้นที่ลงทุน : http://www.one-asset.com/ThailandMutualFund/ETF/IIV_t.asp?ID=010084
ราคา NAV ล่าสุด : http://www.set.or.th/set/historicaltrading.do?symbol=TFTSE&language=th&country=TH
TFTSE ต่างจาก TDEX ตรงที่ TFTSE นั้นจะเน้นหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด โดยสัดส่วนธนาคาร 34% กลุ่มน้ำมันและก๊าซประมาณ 25%
ส่วน TDEX มีสัดส่วนของกลุ่มพลังงาน 43% ครับ ลงทุนตามขนาด market cap. ของหุ้นที่ใหญ่ที่สุด 50 อันดับแรกครับ
ข้อดีของกองทุนพวกนี้ก็คือ ค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วๆไปครับ เพราะไม่ต้องมี Fund Manager
และหุ้นที่ลงทุนก็เป็นหุ้นใหญ่ๆของประเทศไทยครับ เหมาะสำหรับท่านที่อยากซื้อหุ้น Blue Chip หลายๆตัว แต่ไม่มีทุนที่เพียงพอจะซื้อได้ทุกตัว
เวลาที่ตลาดหุ้นไทยตกหนักๆ อาจเป็นจังหวะซื้อที่ดีได้ครับ เพราะ 2 กองทุนนี้ขึ้นลงตาม SET อยู่แล้ว แถมมีเงินปันผลให้ด้วย (สำหรับ TDEX นะครับ TFTSE เพิ่งตั้งกองทุนเมื่อ ส.ค. 2552 ครับ)
ข้อเสียก็น่าจะเป็นที่เราเลือกหุ้นเองไม่ได้ครับ และไม่ได้สิทธิต่างๆอย่างที่หุ้นสามัญได้ครับ แต่อย่างที่บอกว่า 2 กองทุนนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นรายตัวครับ แต่อยากลงทุนในตลาดหุ้นกับเขาบ้าง
แต่ถ้าบางท่านอยากเน้นลงทุนในกลุ่มพลังงานอย่างเดียวก็ต้องกองทุนนี้ครับ
ENGY : กองทุนเปิด MTRACK ENERGY ETF : http://www.tmbam.com/v1/th/mutualFundsDetail.php?id=101&catid=18
รายละเอียดกองทุนคร่าวๆอ่านได้จากกะทู้นี้ครับ : http://www.sarut-homesite.net/forum/index.php/topic,2056.0.html
หุ้นที่ลงทุน : http://www.tmbam.com/v1/th/etf/index.php
ราคา NAV ล่าสุด : http://www.set.or.th/set/historicaltrading.do?symbol=ENGY&language=th&country=TH
####
อันนี้เป็นข่าวที่ทำให้ผมสนใจมาเขียน blog เรื่องนี้ครับ
http://www.posttoday.com/stockmarket.php?id=69157
วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552
TDEX ผลตอบแทน 6 เดือน 72.55% ชนะตลาดหุ้นพุ่ง 66% ชี้เชื่อพลังงานมายังลงทุนได้ หากชอบธนาคารแนะทีฟุตซี่
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ ในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิด ThaiDEX SET50 ETF (TDEX) เปิดเผยว่า หากนักลงทุนที่ลงทุนใน TDEX ได้ผลตอบแทนที่เหนือว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดยย้อนหลัง 6 เดือน และ 1 ปี ได้
ผลตอบแทน 72.55% และ 19.55% ขณะที่ดัชนีหุ้นขึ้น 66.11% และ 14.22% ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน TFTSE (ทีฟุตซี่) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน เท่ากับ 10.89% ซึ่งผลตอบแทนย้อนหลังดัชนีหุ้นช่วงเดียวกันอยู่ที่ 10.71% หากนักลงทุนที่จองครั้งแรกจะได้ผลตอบแทน 14.78%
นายมนรัฐ กล่าวว่า TDEX และ TFTSE นั้นมีข้อดีคือนักลงทุนที่ลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE จะเหมือนกับลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพและมีสภาพคล่องสูงถึง 50 ตัว และ 30 ตัว ตามลำดับ การลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE นั้นถือว่าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถ
สร้างความสะดวกสบายให้แก่นักลงทุนและยังประหยัดต้นทุนในการซื้อขายอีกด้วย เพราะว่าการลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE นั้นเสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายในอัตราขั้นต่ำเพียง 0.1% เท่านั้น
นอกจากนี้ นักลงทุนควรเข้าใจจังหวะการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่น TFTSE เน้นหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด โดยมีสัดส่วนของธนาคาร 34% และกลุ่มน้ำมันและก๊าซประมาณ 25% ดังนั้นถ้าจังหวะของกลุ่มธนาคารกำลังจะมาควรเลือก TFTSE ถ้าจังหวะของกลุ่มน้ำมันกำลังจะมา TDEX จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะมีสัดส่วนของกลุ่มพลังงาน 43%
####
บทความเพิ่มเติม : ปัจจัยพื้นฐานของ ThaiDEX SET50 ETF : http://www.one-asset.com/ThailandMutualFund/ETF/AllEducation_t.asp?EduID=12
ปล. ผลตอบแทนระยะยาวเฉลี่ยของกองทุนประเภทนี้จะอยู่ที่ 10 – 11% ต่อปี นะครับ
ปล.2 ผมไม่ได้ซื้อกองทุนพวกนี้นะครับ เอามาแนะนำเฉยๆครับ
ปล.3 การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน