เวลาที่เราเล่นหุ้นไประยะหนึ่ง อาจจะ 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี สิ่งที่ทุกคนต้องเจอคือความรู้สึกว่า เราน่าจะต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง (evolve)
ความรู้สึกแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในปีที่ตลาดยากเป็นพิเศษ หรือช่วงที่ระบบของเราเกิดปัญหาติดขัดเป็นเวลานาน
ทำให้เราต้องเริ่มแก้เกม เพื่อให้กลับมา sync กับตลาดได้อีกครั้งหนึ่ง
การพัฒนาตัวเองครั้งสำคัญ คือการที่เราจะต้องขยับออกจากกรอบคิดเดิมของเราให้ได้
การคิดนอกกรอบ-หลักการเดิมของเรา ไม่ใช่ว่าต้องไม่มีกรอบนะครับ
เพราะยังไงการเล่นหุ้นมันก็ต้องมีหลักการสำคัญให้ยึดเป็นจุดเริ่มต้นก่อน
แต่เราควรฝึกขยายกรอบความคิด , ความรู้ , comfort zone ไปเรื่อยๆเป็นระยะด้วย
สมมติ เราเพิ่งศึกษาแนวคิดมาแค่ 1-2 อย่าง แล้วรีบตัดสินเลยว่ามันดีสุด
เลยทำแต่แบบเดิมซ้ำไปเรื่อยๆ เจาะลึกอยู่กับแนวคิดเดียวมากเกินไป
ระยะยาวมันอาจจะกลายเป็นว่า กรอบคิดเราค่อนข้างเล็ก แถมแข็งขึ้นเรื่อยๆจนปรับเปลี่ยนความคิดยาก (small & rigid)
เวลาเจอช่วงตลาดยากหรือมีปัญหาก็จะดูวนๆอยู่กับปัญหาแบบเดิม จุดบอดแบบเดิม
เพราะเราไม่ได้ลองคิดหรืออาจจะไม่รู้ว่า มันมีมุมมองด้านอื่นของตลาดหุ้นอีกหลายอย่าง ที่อยู่นอกกรอบเดิมของเรา
แต่ถ้ามีแนวคิดหลักแล้วศึกษาแนวอื่นเพิ่มเติมไปด้วย ลองอ่านลองทำให้หลากหลาย
เอาข้อดีของหลักการอื่นมาใช้อุดจุดอ่อนของระบบ เอาประสบการณ์ของตัวเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผสมผสานกันให้ลงตัว (trial & error)
เป็นการค่อยๆขยาย comfort zone เสริมเขี้ยวเล็บ ตามความรู้และประสบการณ์ตรงของเราเอง
การรู้กว้างและหลากหลาย จะช่วยเราได้ดีในเกมที่มีลักษณะ dynamic , กฏ-กติกาการเล่นไม่ได้ตายตัวเหมือนเดิมตลอดเวลา (เหมือนในหนังสือ ‘Range – วิชารู้รอบ’)
เมื่อมุมมองของเราค่อยๆขยายใหญ่และยืดหยุ่น (large & flexible)
เวลามีปัญหาติดขัดก็จะหาทางแก้ได้ง่ายขึ้น เพราะเรารู้ว่าแนวคิดแบบไหนที่เหมาะกับตลาดแต่ละรูปแบบ
ตอนไหนควรโฟกัสอะไร , เทรด-ตัดสินใจ-เลือกหุ้นอย่างไร ในสถานการณ์ต่างๆ
พอทำไปนานๆมันก็จะช่วยเรื่องการ flow & sync with the market ที่ต้องการระบบคิดแบบยืดหยุ่น
เพื่อปรับตัวให้เข้ากับตลาดหุ้นที่ไม่เคยตายตัว และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆครับ
*รูปจาก Mudley Group และหนังสือ Think & Trade Like a Champion
.
Blog 112 : ‘กรอบความคิด และ Comfort Zone’
1 ธันวาคม 2022