Blog 110 : ‘ตลาดหมีคือบททดสอบพฤติกรรม’

เคยอ่านเจอประโยคหนึ่งเขียนเอาไว้น่าสนใจว่า

Bear markets are the ultimate behavioral test.

ช่วงตลาดหมี จะเป็นบททดสอบพฤติกรรมและบุคลิกของคนเล่นหุ้นได้ดีที่สุด

เพราะในช่วงขาขึ้น คนส่วนใหญ่จะมีผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกันมากนัก

จะเล่นหุ้นอะไรใช้แนวคิดแบบไหน ผลสุดท้ายก็คือกำไรกันถ้วนหน้า

แต่พอเข้าสู่ตลาดหมี ผลลัพธ์จะเริ่มแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน

เพราะมันจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรม วิจารณญาณ และการตัดสินใจของแต่ละคน

– การคุมความเสี่ยง , การคัดเลือกเทรด , จังหวะเทรด-ปรับพอร์ต และการสังเกตตลาด

– คนปรับตัว / ไม่ปรับตัว , เทรดตลอด / เทรดเป็นจังหวะ / พักการเทรด ฯลฯ

การกระทำที่ดูต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาต่างกันพอสมควร

คนที่เพิ่งขาดทุนหนักก็จะอยากทำกำไรกลับมาให้เร็วที่สุด

หลายคนอาจจะถึงขั้นยอมทำทุกทางโดยไม่สนใจความเสี่ยงหรือวิธีการอะไรแล้ว

ซึ่งโดยทั่วไป การทำเงินโดยไม่เลือกวิธีนั้นจะให้ผลดีในระยะสั้น และดูดีในรูปตัวเงิน-ผลตอบแทน

แต่ก็มักจะค่อยๆเกิดผลเสียด้านอื่นต่อตัวเองและคนรอบข้างในระยะยาว

เพราะถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่ภายในตัวเองย่อมรู้ดีว่าที่จริงแล้วเราทำอะไร ได้เงินมาด้วยวิธีการแบบไหน

ดังนั้น ช่วงที่ตลาดยากและท้าทายจึงเป็นบทพิสูจน์ตัวเองได้ดีที่สุด

ว่าเราเป็นคนแบบไหน จะสามารถพัฒนาและเอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้จริงหรือไม่

เหมือนที่ Ed Seykota เคยพูดไว้ว่า

A losing trader can do little to transform himself into a winning trader.

A losing trader is not going to want to transform himself.

That’s the kind of thing winning traders do.

.

winning trader จะอยากพัฒนาหรือพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้เป็นผู้ชนะ (transform / adapt)

ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัว , ปรับแต่งระบบ , แก้ไขจุดอ่อน , ตรวจสอบความคิดของตัวเองอยู่เป็นระยะ

ไม่ยึดติดกับกรอบแนวคิดและระบบเดิมมากจนเกินความพอดี

เปิดกว้างให้มุมมองใหม่ๆมาช่วยเสริม และพลิกแพลงตัวเองได้ (open & flexible)

รวมถึงสามารถจัดการกับอารมณ์ และความคาดหวังให้สอดคล้องกับภาวะตลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน

และนั่นทำให้พวกเขาคือ winning trader ที่ปรับตัวตามตลาดไปได้อย่างต่อเนื่อง (sync with market)

ส่วน losing trader นั้นก็มักจะเป็นคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง , มี mindset ที่ค่อนข้างตายตัวเกินไป

อาจจะยังติดกับระบบเดิมที่เริ่มเห็นปัญหาชัดเจน แต่ก็ไม่กล้าปรับแต่งหรือทิ้งความรู้บางอย่างที่เคยเรียนมา (sunk cost effect)

หรือไม่คิดว่าตัวเองมีจุดอ่อนอะไรที่ต้องแก้ไขเลย

ซึ่งเรื่องนี้หลายคนอาจจะเป็นโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะไม่เคยสังเกตตัวเองอย่างจริงจัง

สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขามักจะเจอกับปัญหาแบบเดิมๆที่แก้ไม่ตก และคิดว่าคงแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

หรืออาจเจอเหตุการณ์แบบ black swan ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสภาพจิตใจในระยะยาว..

การจะเปลี่ยนแปลง-พัฒนาตัวเองได้นั้น ต้องเริ่มจากมองเห็นจุดอ่อนและยอมรับข้อเสียของตัวเอง แล้วถึงจะรู้ว่าเราควรเริ่มแก้ไขตรงจุดไหนบ้าง

จุดเปลี่ยนของเราจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเรายังคงมีจุดอ่อนแบบเดิม ที่จะถูกตลาดโจมตีซ้ำรอยเดิมได้อยู่เรื่อยๆ

Build up your weakness until they become your strong points.

การกระทำและผลลัพธ์ในตลาดหมี จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนพฤติกรรม และ mindset ที่แท้จริงของตัวเราได้ดีที่สุดครับ

.

Blog 110 : ‘ตลาดหมีคือบททดสอบพฤติกรรม’

13 กรกฎาคม 2022

Author: admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.