สัญญาณของการขาดโฟกัส คือการที่เราไม่รู้ว่าควรเล่นหุ้นประเภทไหนกันแน่
เราจะสนใจหุ้นมากเกินไป และคิดว่าหุ้นกราฟสวยทุกตัวคงน่าเทรดเหมือนๆกันหมด
เมื่อเริ่มดูหุ้นเยอะก็จะกลัวตกรถง่ายขึ้น จนเริ่มเทรดบ่อยเกินไป (FOMO >> anxiety & overtrade)
รวมถึงสนใจหุ้นคุณภาพต่ำ ทั้งๆที่เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจมันตั้งแต่แรกก็ได้
คนที่ไม่เคยติดหุ้นปั่นแบบขายออกไม่ได้หรือเหลือศูนย์ ส่วนนึงเป็นเพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับหุ้นประเภทนี้
ไม่ว่ามันจะขึ้นแรง ทำกราฟสวยหรือใครจะเชียร์อะไรยังไงก็ตาม (ไม่กลัวตกรถ)
ดังนั้น เราต้องรู้ว่าควรโฟกัสหุ้นกลุ่มไหน หุ้นแบบไหนที่มักจะได้กำไร แบบไหนไม่ค่อยได้กำไร
รวมถึงนำปัจจัยอื่นเข้ามาเสริม เพื่อให้ selection – timing และความน่าจะเป็นของเราดีขึ้น
(พื้นฐาน growth / อาการหลังงบ , seasonal , ตัวเร่งอื่นๆ)
David Ryan บอกไว้ในหนังสือ Momentum Master ว่า
“ในแต่ละปี สิ่งที่คุณต้องการจริงๆก็คือ หุ้นที่ดีมากเพียงหนึ่งหรือสองตัวเท่านั้นเพื่อที่จะได้ผลตอบแทนระดับยอดเยี่ยม”
จากประโยคนี้เราจะเห็นว่า การคัดเลือกหุ้นให้ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงของการเล่นหุ้นแนวผสม
การเลือกหุ้นที่จะเทรด เป็นจุดเริ่มต้นของผลลัพธ์ที่เราจะทำได้ในตอนสุดท้าย
ถ้าเราคัดหุ้นได้ดีก็เหมือนได้เริ่มออกตัวมาดีแล้ว
ส่วนที่เหลือคือบริหารการเทรดให้ดีไปจนถึงจุดขายทำกำไร
การคัดกรองและโฟกัส คือการที่เราเลือกหุ้นที่คิดว่า’ พื้นฐานและแนวโน้มธุรกิจดีจริง’ มาจำนวนหนึ่ง ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป แล้วเฝ้าดูมันไว้ให้ดี
เราไม่จำเป็นต้องคอยสแกนหรือหาโพยหุ้นเด็ดเพื่อเทรดทุกวัน
การคอยไล่ตามหุ้นแบบนี้ทุกวัน อาจจะทำให้เราขาดความนิ่งและความเฉียบคม เพราะว่าต้องดูหุ้นตัวนั้นตัวนี้เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย
อันที่จริง การคัดเลือกหุ้นอาทิตย์ละครั้ง , เดือนละครั้ง , หรือไตรมาสละครั้ง (คัดหุ้นจากงบ – หา best growth , turnaround , IPO stocks)
ก็เพียงพอแล้วสำหรับการหา ‘หุ้นที่ใช่’ สำหรับเราจริงๆในช่วงเวลานั้น
เมื่อคัดหุ้นมาแล้วก็เฝ้ารอโอกาส การโฟกัสจะทำให้เราไม่พลาดเมื่อหุ้นเกิดสัญญาณซื้อที่ดี เพราะเราไม่ได้ดูหุ้นหลายตัวเกินไปหรือเปลี่ยนลิสหุ้นทุกวัน
คนที่ไม่ค่อยโฟกัสมักจะเจอปัญหาว่า ในแต่ละช่วงเหมือนมีหุ้นให้เทรดเยอะเกินไป
แต่พอเทรดไปเรื่อยๆกลับพบว่า เราไม่ค่อยมีหุ้นตัวที่ทำกำไรให้พอร์ตอย่างมีนัยยะ
แถมเวลาได้กำไรตัวนึงก็จะไปขาดทุนอีกตัวแทน หักลบแล้วไม่ค่อยได้อะไร
และยังเป็นการเพิ่มความสับสนมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวันอีกด้วย
ซึ่งถ้าบริหารพอร์ตไม่ดี อาจทำให้ตัวที่ขาดทุนฉุดพอร์ตรวมให้ติดลบหนักได้ ในช่วงที่ตลาด-หุ้นปรับฐานแรง
นี่เป็นข้อเสียสำคัญของการขาดโฟกัส และสุดท้ายจะทำให้เรามีผลตอบแทนไม่ดีเท่าที่ควรครับ
“Your job as a trader is to wait for the best opportunities. Money is made by stalking and sitting not being active & forcing a new trade each day.”
– Dan Zanger
…
Blog 81 : ‘Focus’ – หัวใจของผลตอบแทนที่ดี
26 ธันวาคม 2017 , Updated 2022