“แต่ก่อนผมมักจะเข้าไปซื้อหุ้นก่อนแนวโน้มเสมอ เพราะเราคาดว่า ราคามันจะต้องผ่าน New High แน่ๆ …แต่ปรากฏหลายครั้งว่ามันไม่จริง จากบทเรียนครั้งนั้น ผมจึงไม่พูดพร่ำฮัมเพลง ขอเข้าไปซื้อที่ New High สถานเดียว…เพราะมีคติว่า ของดีต้องแพงที่สุด!!”
“ผมจะซื้อสูตร 5-3-2 จะซื้อ 3 ครั้ง ซื้อครั้งแรก 50% ถ้ามันขึ้นซื้ออีก 30% ถ้าขึ้นอีกซื้ออีก 20% แต่ถ้าซื้อแล้วมันลง จะหยุดซื้อทันที แล้วผมจะรอดู”
”ถ้าซื้อแล้วมีคนขาย แล้วออเดอร์ของผมไม่สามารถทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปได้ แสดงว่าผมเจอ(ตอ) ผู้ที่อยากขายใหญ่กว่าเรา ผมจะถอยทันที ขายทิ้งทุกราคา”
“ผมถือคติว่า…น้ำกำลังเชี่ยว อย่าเอาเรือไปขวาง จำไว้เวลาหุ้นขาลง แม้ขายขาดทุนก็ต้องขาย ต้องยอมเสีย Civic ไปหนึ่งคัน…ไม่งั้น Mercedes-Benz คุณหาย!!
*************************************
เสี่ยไฮ้ส้มตำ : “ตัวไหนขึ้น ผมซื้อเต็มพอร์ตแล้วถือยาว 4-5 เดือน ตัวไหนซื้อแล้วลง 2-3% ผมไปแล้ว”
คุณธนกฤต เลิศผาติ หรือ ไฮ้ส้มตำ พ่อค้าส้มตำเจ้าของร้าน “ไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์” ผู้นำกำไร 1 แสนบาทจากการขายส้มตำมาเป็นทุนประเดิม ในการซื้อขายหุ้นเมื่อปี 2542 จนปัจจุบัน หากตลาดหุ้นดีจะซื้อขายวันละ 30-40 ล้านบาท ท่านก็มีวิธีคิดที่น่าสนใจมากครับ
“เวลาที่หุ้นจะขึ้นจะลง ไม่ว่าจะด้วยพื้นฐานหรือ Technical มักจะมีการสะสมหุ้นก่อนจะมีข่าวดีเสมอ เพราะผู้บริหารหรือคนวงในต้องเข้ามาสะสมไว้ก่อน ทุกเย็นผมจะต้องดูกราฟว่าตัวไหนมีสัญญาณการสะสม และพื้นฐานของหุ้นเป็นยังไง เสร็จจากนั้นจึงมามองภาวะตลาดโดยรวมในช่วงนั้นว่าเอื้อต่อการขึ้นของหุ้นตัวนี้หรือไม่
ถ้าทุกอย่างเข้าล็อก จึงเริ่มเข้าไปสะสมหุ้นกับเขา ถ้ามั่นใจจะซื้อทีเดียว 70% แล้วรอ 2-3 วัน …ถ้าหุ้นไม่ขึ้น ผมจะหยุดไว้ก่อน แต่ยังไม่ขาย แต่ถ้าขึ้นก็จะซื้อเข้ามาจนเต็มพอร์ต หรือถ้าซื้อแล้วราคามันปักลงเอาแค่ 2-3% ผมก็ไปแล้ว ไม่ต้องรอให้ขาดทุนกว่านี้ เพราะเราเข้าไปซื้อที่ราคาต้นอยู่แล้ว และถ้าขาดทุนน้อยก็ยังพอเรียกกำไรคืนมาได้”
“สังเกตไว้ว่า โดยทั่วไปรอบระยะเวลาในการเดินทางของหุ้น (การทำราคา) จะมีประมาณ 3-4 เดือน ต้องหาหุ้นประเภทนี้ในช่วงเดือนแรกให้ได้ เพราะถ้าเป็นไปตามที่เราวิเคราะห์ไว้ เราจะทำกำไรได้ในช่วงเดือนที่ 2-3 …จากนั้นจึงออกเพื่อไปหาหุ้นตัวใหม่”
************************************
หมอยง : “ต้องเล่นหุ้นขาขึ้น หยุดเล่นหุ้นขาลง จำกัดผลขาดทุนให้ไว”
สำหรับ ท.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม หรือ หมอยง แล้ว ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเลยครับ คุณหมอเซียนหุ้นพันล้านท่านนี้ เริ่มต้นในตลาดหุ้นเมื่อปี 2532 ด้วยเงินลงทุน 5 แสนบาท
“ตอนที่เริ่มสตาร์ทผมลงเงินไป 500,000 บาท ตอนนั้นเลือกหุ้นที่คิดว่ามี “ราคาถูก” ผมจะซื้อหุ้นที่ราคาตกลงมามากๆ เลือกหุ้นที่มีพี/อี เรโชต่ำ และซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าพาร์ เพราะเราคิดว่าราคาถูก”
คุณหมอเล่าประสบการณ์ให้ฟังครับว่า สิ่งที่คิดว่า “ราคาถูก” และ “ปลอดภัย” เอาเข้าจริง กลับตรงกันข้าม เล่นช่วงแรกเจ๊งมาตลอด จนเหลือเงินอยู่ 180,000 บาท
ในที่สุด ได้ข้อสรุปมาว่า “ถ้ามัวแต่ยึดข้อมูลในอดีต สักวันคงหมดตัวแน่!!!”
“หุ้นยิ่งขึ้นต้องยิ่งซื้อ หุ้นยิ่งตกต้องยิ่งขาย” , “จงทำตามแนวโน้มตลาด” นี่คือกฎข้อแรกที่คุณหมอเรียนรู้หลังจากขาดทุนอย่างหนัก
“ผมเห็นคนล้มตายเยอะ ทุกคนที่เจ๊งหุ้นเหมือนกัน คือ ไม่ยอม “Stop Loss” ทำให้ผมเข้าใจว่าถ้าเราจะอยู่ในวงการนี้ได้นาน เราต้องรู้จักวิธีจำกัดความเสี่ยง”
”เล่นหุ้นช่วงขาขึ้น หยุดเล่นหุ้นขาลง และต้องชิงตัดขาดทุน เสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ตัวเลขขาดทุนจะบานปลาย”
****************************************
วิชัย วชิรพงศ์ (เสี่ยยักษ์) : “เริ่มต้นหลักล้านรวยหุ้นเป็นพันล้านได้ แต่ต้องเผื่อใจขาดทุนไว้ซัก 10% แบบนี้รวยแน่”
สำหรับเซียนหุ้นพันล้านท่านนี้ ผมจะยกพื้นที่จากนี้ไปให้ท่านแล้วล่ะครับ ผมได้แนวคิดมาจากท่านมาก และมันเวิร์คจริงๆ
…
“คนบ้านนอกที่มีฐานะธรรมดาๆ ยังสามารถเล่นหุ้นรวยเป็นพันล้านได้ ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคน ก็มีโอกาสรวยระดับร้อยล้านได้ทุกคน…อย่าเพิ่งท้อ”
“ถ้าคุณชนะครั้งใหญ่ได้สักครั้ง ชัยชนะต่อๆ มาจะเป็นของคุณ”
“หุ้นจะเป็นขาขึ้น “ราคา” และ “ปริมาณ” จะต้องเคลื่อนไป ในทิศทางเดียวกัน”
“ผมก็ทำตามตำราเป๊ะ! พอ Black Monday หุ้นตกหนัก เราก็เข้าไปลุยเลย เลือกซื้อแต่หุ้นค่าพี/อี ต่ำๆ สมัยนั้นก็หุ้นแบงก์ทั้งนั้น ซื้อไปแล้วมันก็ไม่ขึ้น …หุ้นตัวอื่นขึ้น หุ้นเราก็ไม่ขึ้น”
“ประสบการณ์ขาดทุนครั้งแรก เอาเงินมาเล่น 2 ล้านกว่าบาท ขาดทุนไป 5 แสนกว่า นั่งมองคนอื่นกำไร ตัวเองขาดทุน เพราะเล่นแต่หุ้นแบงก์ค่าพี/อี ต่ำๆ สุดท้ายก็รู้ว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล คนส่วนใหญ่เขาไม่คิดเหมือนเรา ในที่สุดก็ตัดสินใจล้างพอร์ต”
“คุณยังไม่มีประสบการณ์เลย คุณต้องขาดทุนก่อน ในชีวิตจริงต้องเป็นอย่างนั้น นักลงทุนมือใหม่ “ขาดทุน” ถือเป็นเรื่องปกติ”
“ถ้าวันหนึ่งคนอื่นทำงาน 8 ชั่วโมง เราต้องทำงาน 10 ชั่วโมง ต้องกลับมา “ชนะ” ให้ได้”
“เราต้องเริ่มต้นจากการยอมรับความผิดพลาดของเราเอง อย่าไปโทษคนอื่น นำกลับมาแก้ไข เชื่อผม! แล้วคุณจะเล่นหุ้นเก่งขึ้น”
“เราต้องพายเรือตามน้ำ อย่าพายเรือทวนน้ำ”
“เราต้องพยายามอ่านหลักจิตวิทยาของตลาดว่า คนอื่นเขาคิดอย่างไร..? กับหุ้นตัวที่เราจะเล่น อย่าพยายาม “คิดเอง-เออเอง” คนเดียว”
“สมมติว่า ขณะนั้น SET กำลัง “นิยม” หุ้นกลุ่มไหน เราก็ต้องจับตา มองหุ้นกลุ่มนั้น เพราะการ “ฝืนกระแส” จะทำให้เรา “เสี่ยงสูง” ที่จะขาดทุน”
“การเล่นหุ้นฝืนทิศทางตลาด เล่นแล้วมันเหนื่อย!!! เหมือนการขึ้นรถผิดคัน ทำไม! รถคันนี้มันถึงไม่ออกจากท่ารถสักที เรารอแล้วรออีก คันนี้ก็ไป คันนั้นก็ไปก่อน”
“หุ้นเวลาเป็น “ขาลง” เราต้องตัดทิ้ง อย่าถือ และอย่าซื้อถัวเฉลี่ย”
“ทุกคนจะมีจังหวะฟ้าลิขิต… ทุกคนต้องเคยได้รับโอกาสนั้น แต่คุณจะตักตวงมัน ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”
“วิธีการเล่นหุ้นต่อ 1 รอบ จำไว้เลยนะว่า คุณต้องเตรียม “ขาดทุน” ไว้ 10% ของพอร์ต ของคุณเสมอ…ผมกล้าพูดได้เลยว่า ต่อให้เป็นเซียน เป็นโคตรเซียนแค่ไหนก็ตาม คุณมี 100 ล้าน คุณต้องเตรียมขาดทุนไว้ 10 ล้าน ไว้สำหรับ Cut Loss (ยอมขาดทุน) แน่นอนที่สุด…เชื่อผม!!
‘จะเล่นหุ้นต้องเริ่มจากมีพื้นฐาน (ฝีมือ) หลังจากนั้นให้ใช้ Technical เข้ามาช่วยในการหาจังหวะซื้อ’
‘ในพอร์ตผมมีหุ้นอยู่ตัวเดียว ขอรู้แค่ของเราตัวเดียว รู้ให้จริงและรู้ให้แน่ว่าตัวที่กำลังจะซื้อเพราะอะไร และราคาจะขึ้นเพราะอะไร หรือเปลี่ยนชื่อบริษัททำไม …ศึกษาแล้วรอกับมันให้ได้’
‘เก่งแค่ตัวเดียวพอ รับรอง “รวยมหาศาล”
“ตลาดหุ้นบางช่วงผีมันดุ…อย่าเพิ่งเข้าไปซื้อ ต้องหาหนทางเข้าไปซื้อประมาณตี 5 ฟ้าสาง ผีไม่มีแล้ว คุณจะได้ของดีมีคุณภาพ ราคาถูกกว่าใคร ต้องไม่ใช่ไปช้อปเอาตอนแปดโมงเช้า คนมันเยอะ และหุ้นก็ขึ้นมาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะมาซื้อตอนนี้…รายใหญ่ก็ออกกันพอดี
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะชนะ ต้องศึกษา รอบรู้ และอย่าตามหลังมวลชน”
**********************
ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thanapononline&month=11-2007&date=11&group=5&gblog=49