…
ผมมักถูกถามอยู่บ่อยๆว่าคิดอย่างไรกับอนาคตของหุ้นตั้วนั้นหุ้นตัวนี้ ซึ่งปกติแล้วผมก็ไม่ได้ติดตามหุ้นทุกตัว แต่สำหรับตัวที่ติดตามอยู่นั้น แม้ว่าผมจะประเมิน Fair Value คร่าวๆไว้ในใจ หรือประเมินธุรกิจดูบ้าง แต่ผมจะไม่ให้ความเห็นส่วนตัวเหล่านี้มีอิทธิพลต่อจังหวะในการตัดสินใจซื้อขายหุ้นเลย
โดยเฉพาะในตลาดหุ้น ที่ซึ่งราคาหุ้นมักจะขึ้นอยู่กับแนวโน้ม สภาพคล่อง และความคาดหวังในแต่ละช่วงเวลา
เพราะถ้าหากผมปล่อยให้เกิดความมั่นใจและมีอคติในหุ้น (bias) ที่ถือมากเกินไป จนครอบงำวินัยในการทำตามระบบลงทุน ผลสุดท้ายมันมักจะแย่อยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าบางครั้ง การไม่ทำตามระบบมันอาจจะดูดีบ้างก็จริง แต่นั่นก็เป็นเพราะ ‘โชค’ ไม่ใช่ ‘ฝีมือและความมีวินัย’ ถ้าคุณทำแบบนี้บ่อยๆระยะยาวมันจะเป็นผลเสียต่อตัวคุณเอง
( หมายเหตุ : ถ้าคุณเป็น value investor แนวคิดนี้อาจจะไม่สามารถนำมาใช้ได้ เพราะเป็นแนวคิดที่ต่างกัน และ VI ต้องมีความเชื่อมั่นในความคิดตัวเองพอสมควร แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะในตลาดหุ้นทุกคนย่อมต้องมีแนวทางเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีแนวคิดเหมือนกัน)
หากคุณเชื่อว่า เราไม่จำเป็นที่จะต้องหยั่งรู้หรือคาดเดาอนาคตเลยก็ได้ เวลาที่ซื้อหุ้นก็จะมีแนวคิดคร่าวๆแบบนี้…
1. คุณจะพบวิธีการที่เหมาะสมกับตัวคุณเองในแต่ละสภาวะตลาดต่างๆ
เป็นเวลาหลายปีที่ผมทดลองซื้อเฉลี่ยขาขึ้น, ตัดขาดทุน, เกิดความไม่เข้าใจและสับสน ตอนนี้ผมเริ่มตกผลึก และสรุปหลักการเบื้องต้นได้ว่า ผมจะเข้าซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นเริ่ม breakout จาก base ขึ้นมาใกล้ราคาสูงสุดในรอบปี ในภาวะที่ตลาดเป็นขาขึ้น
แม้ว่าวิธีนี้จะไม่สามารถใช้ได้ในทุกสภาวะตลาด แต่มันก็ทำกำไรให้ผมได้อย่างสม่ำเสมอ
2. คุณจะไม่เสี่ยงใช้วิธีการที่คุณไม่เข้าใจ และไม่ไล่ซื้อหุ้นมั่วๆจากข่าวลือหรือหุ้นเด็ดจากคนอื่น
คุณไม่กลัวที่จะตกรถ เพราะเข้าใจในหลักการและหุ้นตัวที่คุณเลือกติดตาม และรู้ว่าวิธีแบบไหนที่จะทำให้คุณมีความได้เปรียบ
3. ไม่ลังเลที่จะเข้าซื้อหรือขายตามสัญญาณ เพราะคุณไม่สามารถรู้ว่า หุ้นตัวไหนจะได้กำไรหรือต้องตัดขาดทุน
4. กำหนดจุดตัดขาดทุนไว้เสมอ เพราะคุณมีโอกาสผิดพลาดได้ตลอดเวลา ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่สิ่งที่ยอมรับไม่ได้คือการจมอยู่กับความผิดพลาดนั้น
“It is ok to be wrong. It is not ok to stay wrong.”
5. จัดการความเสี่ยงในการซื้อแต่ละครั้ง กระจายการถือหุ้นให้เหมาะสม เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหุ้นตัวไหนเป็นจะเป็น Big Winner เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว
6. มี Exit Plan เพื่อที่จะสามารถถือหุ้นไปตามแนวโน้มของมัน และรักษากำไรไว้เมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลง
คุณจะพบว่า เมื่อเราสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของหุ้นได้จากการอ่าน Chart และ Price Pattern เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคอยคาดเดาผลกำไรให้ได้ถูกต้อง หรือวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจได้อย่างแม่นยำ
เพราะในตลาดหุ้นนั้น ราคาหุ้นมักจะสะท้อนแนวโน้มของบริษัทไว้ล่วงหน้าอยู่เสมอ ไม่ว่าแนวโน้มมันจะดีหรือจะแย่ก็ตาม…
ไม่มีความลับหรือเทคนิคพิเศษใดๆในตลาดหุ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณควรรู้เพื่อประสบความสำเร็จในการลงทุนหรือเก็งกำไรนั้น สามารถหาอ่านได้จากหนังสือดีๆ หรือเว็บไซต์ต่างๆที่มีให้อ่านฟรี
คนส่วนใหญ่รู้แนวทางและหลักการลงทุนของตัวเอง แต่มักจะขาดวินัยในการปฎิบัติตามหลักการลงทุนที่เราเลือกใช้
นั่นเป็นเพราะช่องว่างระหว่างการ ‘รู้ดี ว่าควรทำอะไร’ กับ ‘การลงมือทำจริงๆ’ นั้น ห่างกันมาก เหมือนกับการที่คนเรารู้วิธีการลดความอ้วนแต่ก็ไม่ลงมือทำตาม เพราะสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ความมุ่งมั่นและวินัยอย่างมากเลยทีเดียว
ดังนั้น นอกจากเราต้องวิธีลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองและภาวะตลาดต่างๆแล้ว อีกสิ่งที่ต้องมีก็คือ “วินัย”
หมั่นขยันทำการบ้านและมีวินัยในการทำตามหลักการของตนเอง ถ้าคุณทำได้ตามนี้ ในระยะยาว โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นก็น่าจะสูงมากเลยทีเดียว…
“อนาคต” ไม่จำเป็นต้องรู้
โดย Tent How
www.sarut-homesite.net
23 เมษายน 2013