การลงทุนเพื่อชีวิต : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

tree

คนที่ลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น มีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายแตกต่างกันไป บางคนทำเพื่อความสนุกสนานตื่นเต้น บางคนลงทุนเพราะหวังว่าจะรวยได้เร็ว บางคนทำเพื่อหวัง “ค่ากับข้าวหรือค่าขนม” บางคนคิดว่าจะลงทุนเพื่อให้มีรายได้ประจำเป็นรายเดือนเพื่อนำมาใช้จ่าย บางคนลงทุนเพื่อนำมาใช้เครดิตภาษีรายได้ แต่สำหรับผมแล้ว การลงทุนในหุ้นนั้น ทำเพื่อชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า พูดง่ายๆ มันเป็น “การลงทุนเพื่อชีวิต”

การลงทุนเพื่อชีวิตนั้นอย่างน้อยต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

ข้อแรกก็คือ เราทำมันอย่างมีสำนึกที่ดีกับการลงทุนซื้อขายหุ้น เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวเรา มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อสังคม มันไม่ใช่การพนันที่จะทำให้ชีวิตของเราตกต่ำลง แต่การลงทุนในหุ้นนั้น มันเป็นการสร้างอนาคตที่ดีนั่นคือ มันสร้างความมั่นคง และความมั่งคั่ง โดยการลงทุนในธุรกิจที่ดี และจะเฟื่องฟูต่อไปในอนาคตอันยาวนาน ผ่านการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สิ่งนี้ไม่ต่างไปจากคนที่ก่อร่างสร้างตัวทำธุรกิจด้วยตนเอง ซึ่งมักจะได้รับการสรรเสริญจากสังคมว่าเป็นคนที่ทำมาหากิน มีความพยายาม และความมุ่งมั่นสูง สรุปอย่างสั้นๆ ก็คือ การลงทุนเพื่อชีวิตนั้น เราต้องสะสมหุ้นที่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในลักษณะที่เหมือนกับว่าเรากำลังทำธุรกิจตามหุ้นที่เราซื้อ ถ้าเราซื้อหุ้นของบริษัทที่ขายอาหาร เราก็กำลังทำธุรกิจขายอาหาร เราซื้อหุ้นของบริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวัน เราก็กำลังทำธุรกิจของร้านนั้น

ข้อสอง ถ้าจะเป็นการลงทุนเพื่อชีวิต การลงทุนนั้นจะต้องทำอย่างจริงจัง การซื้อขายหุ้นอย่างฉาบฉวย ซื้อหุ้นเฉพาะในช่วงที่ “ตลาดกำลังขึ้น” หรือซื้อหุ้นโดยไม่ได้มีการศึกษาเป็นอย่างดีย่อมไม่ใช่การลงทุนเพื่อชีวิต ดังนั้น ในการลงทุนเพื่อชีวิต คนที่ทำจะต้องให้เวลา และศึกษาเรื่องของการลงทุนในหุ้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จะต้องวิเคราะห์และติดตามธุรกิจของหุ้นที่ลงทุนอย่างใกล้ชิด ความจริงจังในการลงทุนนั้น ผมหมายถึงว่า เราควรจะต้องเรียนรู้หลักการทางธุรกิจพื้นฐานที่จำเป็นต่อการลงทุนด้วยถ้าเราไม่รู้ เช่น การบัญชีและการเงินพื้นฐาน

ข้อสาม การลงทุนเพื่อชีวิตนั้น หมายความว่าการลงทุนในหุ้นจะต้องมีสัดส่วนที่มีนัยสำคัญสูง เมื่อเทียบกับทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงที่เรามีอยู่ ซึ่งในความเห็นของผมนั้นควรที่จะไม่น้อยกว่า 40-50% ขึ้นไป ตัวเลขนี้อาจจะดูว่าค่อนข้างจะสูง แต่ถ้าคำนึงถึงทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่อง ที่เรามักจะมีสัดส่วนมากในความมั่งคั่งของเรา ผมคิดว่าการลงทุนในหุ้นในระดับดังกล่าวก็ไม่สูงเกินไป

ข้อสี่ การลงทุนเพื่อชีวิตนั้น ต้องเป็นการลงทุนที่ต่อเนื่องยาวนาน ผมคิดว่าถ้าตลอดชีวิตได้ก็ยิ่งดี แต่ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยก็จนถึงวันที่เราเกษียณ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะการลงทุนต่อเนื่องยาวนานเป็นปัจจัยสำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง ต่อความสำเร็จของการลงทุน เหตุผลก็คือ เวลาที่ยาวนานจะช่วยลดความผันผวนของผลตอบแทนการลงทุนลงได้มหาศาล และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ มันช่วย “ทบต้น” เงินหรือความมั่งคั่งของเราขึ้นไปอย่างทวีคูณ

ข้อห้า การลงทุนเพื่อชีวิตนั้น หมายความว่าเพื่อชีวิตในวันข้างหน้าโดยเฉพาะเมื่อเราไม่ได้ทำงานแล้ว ดังนั้น ในขณะที่เรายังมีรายได้จากการทำงาน เราไม่ควรจะถอนการลงทุนออกมาใช้ เงินปันผลที่ได้มาจากการลงทุนในหุ้น จะต้องนำกลับไปซื้อหุ้นไม่มีการนำมาใช้ และไม่ว่าเราจะได้กำไรจากหุ้นเท่าไร เราก็จะไม่ถอนมาใช้จ่ายหรือ “ให้รางวัลตัวเอง” เราจะใช้เงินเฉพาะที่มาจากการทำงานเท่านั้น ว่าที่จริง สำหรับคนที่พอร์ตการลงทุนยังเล็ก เขาจำเป็นที่จะต้องกันเงินจากการทำงาน มาลงทุนในหุ้นเพิ่มเติมตลอดเวลาที่เขายังมีรายได้ด้วยซ้ำไป

ข้อหก การลงทุนเพื่อชีวิตนั้น แปลว่าหุ้นทุกตัวที่ซื้อลงทุนจะต้องมีความปลอดภัยต่อการ “ขาดทุนอย่างถาวร” นั่นคือ หุ้นจะต้องมี Margin of Safety เพียงพอ ซื้อแล้วโอกาสที่จะขาดทุนในระยะยาวมีน้อยมากเนื่องจากตัวกิจการมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และมีคุณค่าสูงกว่าราคาหุ้นมาก นอกจากนั้น เพื่อที่จะรับประกันว่าโอกาสที่เราจะเสียหายจากการลงทุนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย การลงทุนเพื่อชีวิตจะต้องมีการกระจายความเสี่ยงบ้าง นั่นก็คือ เราควรจะต้องถือหุ้นอย่างน้อยสัก 4-5 ตัวโดยเฉลี่ย เพื่อที่ว่า หากเราวิเคราะห์หรือคาดการณ์ผิดในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เราก็ยังไม่เสียหายเนื่องจากยังมีหุ้นที่เราคาดการณ์ได้ถูกต้องอีกหลายตัว ที่ทำเงินชดเชยได้

สุดท้าย การลงทุนเพื่อชีวิตที่จะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จก็คือ วันที่เงินลงทุนในหุ้นของเรา สามารถจ่ายปันผลคิดเป็นเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายประจำปีของเราได้แล้ว เพราะนั่นหมายความว่า เราสามารถที่จะอยู่ได้ด้วยหุ้นที่เราเก็บสะสมมา แน่นอนเราไม่จำเป็นต้องหยุดทำงาน แต่เราสามารถเลือกที่จะทำงานที่เราพอใจได้ และก็แน่นอนอีกเช่นกันว่า เราไม่จำเป็นต้องเลิกลงทุนในหุ้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยที่จะละทิ้งสิ่งดีๆ ที่ได้สร้างความมั่นคง และความมั่งคั่งให้เรามายาวนาน เพียงเพราะเราอาจจะคิดว่า “หุ้นเป็นเรื่องที่เสี่ยง เมื่อได้กำไรเพียงพอแล้วก็ควรจะหยุด” ว่าที่จริงเมื่อประสบความสำเร็จในเป้าหมายแรกแล้ว การที่จะประสบความสำเร็จในเป้าหมายต่อไปก็มักจะง่ายขึ้น ความเสี่ยงของหุ้นนั้น ถ้าเราลงทุนแบบ “เพื่อชีวิต”ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นก็มักจะเป็นว่า เราอาจจะไม่ได้มีเงินถึง 20 ล้านบาทตามที่คาด แต่เราก็อาจจะได้ถึง 5 ล้านบาทจากเงินเริ่มแรกเพียง 1 ล้านบาท เมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี แต่โอกาสที่หุ้นจะมีค่าลดลงต่ำกว่า 1 ล้านบาท นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ไม่ต้องพูดถึงว่าหุ้นจะหมดค่า

และทั้งหมดนั้นก็คือ บางส่วนของกลยุทธ์การลงทุนแบบ “เพื่อชีวิต” ที่ผมคิดว่า คนจำนวนมากที่เป็นมนุษย์เงินเดือน สามารถนำไปใช้และจะประสบความสำเร็จได้อย่างน่ามหัศจรรย์

การลงทุนเพื่อชีวิต
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
กรุงเทพธุรกิจ วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Author: admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.